BLOGS

ทำอยู่รึเปล่า? 5 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่คนใช้รถทำบ่อย แต่ที่จริงไม่ได้ผล!

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

เชื่อว่าคนใช้รถเกือบ 100% ต้องเคยลองพยายามประหยัดน้ำมันรถ ใช้ วิธีประหยัดน้ำมัน ต่างๆ ที่คนนิยมใช้กัน หรือที่บอกต่อจนรู้มา เพื่อลดค่าน้ำมัน แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ชัดเจน หรือไม่ได้ผลเลย เหมือนไม่ต่างจากการใช้รถปกติ

วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ไม่ได้ผล เหล่านี้มีอะไรบ้าง คาร์แทรค จะมาเล่าให้ฟัง พร้อมกับแนะนำ วิธีใช้รถหรือขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน แบบลดค่าใช้จ่ายชัดๆ กันตอนนี้เลย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมัน มีอะไรบ้าง?

ก่อนจะลดการใช้น้ำมันรถหรือเครื่องยนต์ เราควรทราบถึงปัจจัยหรือสาเหตุที่ส่งผลต่ออัตราการกินน้ำมันหรือการใช้น้ำมันก่อน ได้แก่

  1. สภาพถนน

    ถนนที่ขับผ่านบ่อยๆ หรือทุกวัน มีหลุมบ่อ หรือคดเคี้ยวอ้อมโลก หรือไม่ ซึ่งสำหรับรถบรรทุก การเจอสภาพถนนที่แตกต่างและไม่ราบเรียบเป็นเรื่องธรรมดา และส่งผลต่อรถใช้น้ำมันมากขึ้นแน่นอน
  2. สภาพจราจร

    เส้นทางจราจรที่มีไฟเขียวไฟแดงเยอะ สี่แยกบ่อย ซอยย่อยตามสองข้างทางเยอะ มีผลต่อการขับเคลื่อนไปข้างหน้าที่จะช้าลงหรือสะดุดบ่อย เพราะต้องจอดแช่ (Idle) บ่อย

    ซึ่งโดยเฉลี่ย การจอดแช่รวมกัน 1 ชม. จะกินน้ำมันอยู่ที่ 0.4 ลิตร เลยทีเดียว ดังนั้น ยิ่งจอดแช่บ่อย ก็จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
  3. การดูแลรักษาเครื่องยนต์

    เครื่องยนต์มีปัญหา ฟิลเตอร์แอร์สกปรก หัวเทียนใกล้บอด ฯลฯ แม้เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อรวมกัน ก็ส่งผลให้ใช้เครื่องยนต์ได้ไม่เต็มที่ เต็ม 100% ของน้ำมันที่ใช้ไป

    การดูแลรักษาเครื่องยนต์เป็นประจำ ตรวจเช็คสภาพรถ และนำรถเข้าศูนย์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ให้สะอาด และอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ได้เต็มสมรรถนะอยู่เสมอ
  4. คุณภาพน้ำมัน

    คุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ส่งผลอย่างยิ่งต่อการใช้งาน น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพมากกว่า จะมีค่าความบริสุทธิ์กว่า ซึ่งช่วยถนอมเครื่องยนต์

    และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่ดี ก็จะช่วยให้การเผาผลาญน้ำมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
  5. ความรู้และการอบรมการขับขี่

    ความรู้และการได้รับการอบรมการขับขี่ของคนขับรถ มีผลต่อคุณภาพการขับขี่ ซึ่งการขับขี่ที่ดีช่วยถนอมรถและลดอุบัติเหตุได้มาก

    หากไม่ทราบระดับความรู้หรือการอบรมที่ผ่านมา ข้อมูลการขับขี่ของคนขับรถสามารถบ่งบอกได้ ซึ่งระบบติดตามรถแบบมีเทคโนโลยี Telematics สามารถเก็บข้อมูลส่วนนี้ได้ละเอียดและชัดเจน เรียกดูข้อมูลอัพเดตล่าสุดได้และได้ตลอดเวลา

    รวมถึงยังสามารถแนะนำเรื่องที่ควรเพิ่มเติม เพื่อออกแบบการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้นด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้น้ำมัน_มีอะไรบ้าง

5 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ไม่ได้ผล แต่ชอบทำกันจังเลย

  1. ขับตามหลังคันอื่น เพื่อลดการต้านลม

    การต้านลม คือ การที่เราเคลื่อนที่สวนกระแสกับทิศทางลมพัด ผลคืออาจทำให้เราเคลื่อนที่ได้ช้าลง ต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้น หลักการธรรมชาติเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นกับกระแสน้ำด้วยเช่นกัน

    จึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า การขับรถตามหลังรถคันอื่น จะช่วยลดการต้านแรงลมได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่จริง

    เหตุการณ์นี้อาจใช้กับการปั่นจักรยานได้ แต่สำหรับรถที่มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนั้น นอกจากจะไม่ได้ให้ผลในการลดการต้านลมแล้ว การขับรถตามหลังรถคันข้างหน้าอย่างติดๆ ยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุด้วย เพราะไม่มีการเว้นระยะห่างจากคันข้างหน้าอย่างเหมาะสม
  2. เข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องเวลาลงเนิน

    หลายคนเชื่อว่าถ้าเข้าเกียร์ N หรือดับเครื่องยนต์ เวลาขับรถลงเนิน เพื่อปล่อยให้รถไหลลงเนินไปเอง เป็น วิธีประหยัดน้ำมัน เพราะเชื่อว่า ไม่ติดเครื่องยนต์ = ไม่เสียน้ำมัน

    แต่ความจริงแล้ว รถใช้งานในปัจจุบันส่วนมากถูกออกแบบมาให้กินน้ำมันน้อยลง เวลาขับลงเนิน อยู่แล้ว

    ยิ่งกว่านั้น การติดๆ ดับๆ เครื่องยนต์ ยังรบกวนระบบควบคุมการเคลื่อนที่และการขับขี่ปลอดภัยด้วย จึงดีกว่า ถ้าคนขับรถเข้าเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ไม่ดับเครื่องโดยไม่จำเป็น
  3. เติมน้ำมันตอนเช้าดีกว่า

    นอกจากการใช้น้ำมัน ก็มีความเชื่อเรื่องการเติมน้ำมันด้วยที่ว่า มวลน้ำมันจะขยายตัวมากขึ้นเมื่อเจอความร้อนระหว่างวัน ทำให้คนใช้รถได้ปริมาณน้ำมันน้อยกว่า หากเติมน้ำมันเวลาที่ใช้รถมาร้อนๆ ทั้งวันแล้ว

    ในความเป็นจริง สถานีเติมน้ำมันฝังบ่อเก็บน้ำมันไว้ใต้ดินที่ลึกมาก มากพอที่จะรักษาอุณหภูมิให้คงที่หรือแกว่งน้อยมากจนไม่มีผลกระทบต่อการขยายหรือหดของมวลน้ำมัน

    ทันทีที่น้ำมันไหลถึงถังน้ำมันของรถคุณ มันยังปรับสภาพอุณหภูมิให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ใช่สภาพที่ร้อนรุนแรงจนส่งผลขยายหรือหดมวลน้ำมันเช่นกัน

    ดังนั้น ผู้ใช้รถสามารถเติมน้ำมันรถตอนไหนของวันก็ได้ ซึ่งถ้าอิงเรื่องเวลาจริงๆ ตอนที่ดีที่สุดแน่นอนเลย คือวันเวลาที่น้ำมันประกาศลดราคานั่นเอง
  4. สตาร์ทรถสักครู่ เพื่อวอร์มเครื่องยนต์

    โดยเฉพาะในประเทศหรือพื้นที่อากาศหนาวเย็น จะเชื่อว่าสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อวอร์มเครื่อง จะดีต่อเครื่องยนต์มากขึ้นและช่วยลดการใช้น้ำมันได้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีดูแลเครื่องยนต์หรือวิธีประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด

    กลับเป็นทางตรงกันข้าม การถนอมเครื่องยนต์หรือวิธีแก้รถซดน้ำมัน คือ ลดการจอดแช่ติดเครื่อง ให้น้อยที่สุด ทั้งน้อยเวลาและจำนวนครั้งเท่าที่ทำได้
  5. ปิดหน้าต่างให้สนิทเพื่อลดลมต้าน

    คล้ายๆ กันกับข้อแรก ที่มีความเชื่อว่าการต้านลมมีผลต่อการใช้น้ำมัน แต่ในความจริงแล้ว ไม่มีผลเลยกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน

วิธีประหยัดน้ำมัน_ที่ไม่ได้ผล_แต่ชอบทำกันจังเลย

พลาดไป 5 มาใช้ 5 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ถูกต้อง แทนดีกว่า

  1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่

    การออกตัวกระชาก เร่งเครื่องเพื่อเข้าโค้งแรงๆ หรือจู่ๆ เร่งความเร็วเครื่องยนต์ ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขับรถด้วยความเร็วคงที่ ตั้งแต่เริ่มออกตัวจนถึงจอดเมื่อถึงที่หมาย ช่วยได้แน่นอน
  2. เอารถเข้าศูนย์เช็คสภาพให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    คนส่วนหนึ่งใช้วิธีเอารถเข้าศูนย์ ดูแลรักษาตามระยะเวลา เช่น 3 เดือน 6 เดือน แต่ช่วงเวลานำรถเข้าศูนย์ที่ดีกับรถมากที่สุด ควรยึดตามการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ที่จะช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากที่สุดเช่นกัน
  3.  บรรทุกเฉพาะที่จำเป็น

    น้ำหนักบรรทุกมีผลต่อการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยตรง มากกว่านั้น รถส่วนใหญ่มักบรรทุกของที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว

    แม้ว่าสิ่งของแต่ละอย่างจะมีน้ำหนักไม่มาก แต่พอรวมๆ กันแล้วก็มีน้ำหนักมากเช่นกัน และอาจทำให้รถบรรทุกเกินน้ำหนักที่รถจะรองรับได้ไหว

    คำแนะนำคือ ควรหมั่นตรวจสอบสิ่งของบนรถบ่อยๆ เพื่อให้รถมีเฉพาะของที่จำเป็นต่อการใช้งานจริง ซึ่งเราสามารถเห็นค่าน้ำมันที่ประหยัดมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
  4. วางแผนเส้นทางดีๆ

    การวางแผนเส้นทางขับขี่ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหรือมีปัญหา เช่น ก่อสร้างถนน ลดการใช้เวลาบนท้องถนน ซึ่งช่วยลดเวลาการใช้รถในเวลาเดียวกัน

    ทุกวันนี้ มีเครื่องมือที่ช่วยวางแผนเส้นทางล่วงหน้า เช่น แอปพลิเคชันนำทาง รายงานสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ที่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก

    การวางแผนการเดินทางล่วงหน้ายังช่วยเรียบเรียงงานที่ต้องทำ ทำให้สามารถจัดกลุ่มงานที่ใช้เส้นทางเดียวกัน ช่วยลดการขับขี่ได้ด้วย
  5. ใช้เทคโนโลยีลดการใช้น้ำมัน

    ปัจจุบันนี้ มีเทคโนโลยีมากมายหลายอย่างที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์หรือเครื่องจัก

    ซึ่งสำหรับรถหรือยานพาหนะมีทั้ง รถประหยัดน้ำมัน หรือระบบติดตามรถ GPS แบบ Telematics ที่บันทึกติดตามข้อมูลการใช้เครื่องยนต์แบบเรียลไทม์ และประมวลผลข้อมูลออกมาที่บอกสภาพเครื่องยนต์ที่แท้จริง

    ช่วยให้เจ้าของรถรู้ว่าควรใช้รถยังไงให้คุ้มค่าและดีที่สุด และดูแลรถยังไงให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา

พลาดไป_5_มาใช้_5_วิธีประหยัดน้ำมัน_ที่ถูกต้อง_แทนดีกว่า

วิธีประหยัดน้ำมัน แบบยั่งยืน ด้วยการใช้ระบบทันสมัยที่มีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน ธุรกิจที่มีรถใช้งานหลายคันทราบดีว่า การบริหารรถใช้งานให้ดี คือ การจัดการและควบคุมต้นทุนในเวลาเดียวกัน

ดังนั้น พวกเขาจึงบริหารการใช้รถอย่างจริงจัง ความได้เปรียบคือ งานนี้ทำได้ไม่ยาก เพราะมีระบบบริหารจัดการรถให้เลือกใช้งาน และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานของแต่ละธุรกิจแล้ว

ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ Cartrack ติดตามการใช้รถและพฤติกรรมการขับขี่ทุกการเดินทาง และส่งเข้าระบบให้ผู้ดูแลรถสามารถเรียกดู เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาการขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดมากขึ้นได้ทุกเวลา ฟังก์ชันที่ผู้ดูแลระบบอยู่หลังบ้าน ใช้งานบ่อยๆ เช่น

ติดตามและวิเคราะห์การใช้น้ำมัน

Cartrack ติดตามการใช้น้ำมันแบบเรียลไทม์ ระบบแสดงความเคลื่อนไหวของน้ำมันชัดเจน เช่น กราฟน้ำมัน หน่วยน้ำมันเป็นลิตร ฯลฯ

อีกทั้งยังสามารถเสริมประสิทธิภาพการติดตามด้วย MiFleet ฟีเจอร์ติดตามต้นทุนน้ำมันและยานพาหนะโดยเฉพาะ ที่วิเคราะห์การใช้น้ำมัน ควบคุมการใช้ และการเติมน้ำมันอย่างละเอียด

ทำให้ธุรกิจปรับปรุงการใช้น้ำมันได้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด รวมถึงตรวจจับการทุจริตน้ำมันและการใช้รถได้อย่างแม่นยำด้วย

อบรมคนขับและสร้างแผนพัฒนาการขับขี่

คนขับรถ คือ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้น้ำมัน Cartrack ติดตามและเก็บข้อมูลการขับขี่ ที่เจ้าของรถหรือผู้ดูแลระบบการใช้รถสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการใช้รถ

สิ่งที่คนขับทำได้ดี สิ่งที่ควรแก้ไข อย่างละเอียด เป็นตัวเลข ปริมาณ ความถี่ต่างๆ ชัดเจน

และระบบติดตามพัฒนาการของคนขับ ซึ่งช่วยสร้างแผนพัฒนาคุณภาพการขับขี่ให้คนขับได้อย่างชัดเจนเที่ยงตรงเป็นกลาง ลดความตึงเครียดในบรรยากาศการทำงานและดูแลภาคขนส่งได้อย่างยั่งยืน

ดูแลสภาพเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น

Cartrack มีระบบบำรุงรักษาเครื่องยนต์เชิงป้องกัน หรือการดูแลสภาพเครื่องยนต์เป็นระยะ เพื่อตรวจสอบสภาพ

หากพบชิ้นส่วนสึกหรอเบื้องต้น ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมใหญ่ ลดโอกาสรถเสียกะทันหันซึ่งหมายถึงโอกาสการใช้งานรถ

ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถคันใหม่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับธุรกิจด้วย

รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญของธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบัน จากสภาวะโลกร้อนและแปรปรวนที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี และเป็นกิจกรรมตอบแทนสังคม หรือ CSR ที่ทำได้ง่ายและให้ผลตอบแทนในวงกว้างได้คุ้มค่าที่สุดด้วย

Cartrack เป็นระบบจัดการการใช้รถที่ตอบโจทย์การดูแลสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และใช้ได้กับรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ด้วย

ซึ่งแผนการดูแลและผลลัพธ์ สามารถสรุปออกมาเป็นรายงานอย่างชัดเจน ใช้ในการวางแผนต่อหรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม CSR ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย

รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน ขับด้วย Cartrack

การขับรถเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน นั่นคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การใช้ระบบเข้ามาช่วยจัดการ จึงเป็นวิธีที่นิยมใช้มากขึ้น

เพราะเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนและยั่งยืนระยะยาว สอบถามข้อมูลระบบติดตามยานพาหนะของ Cartrack และทดลองใช้กับธุรกิจคุณได้ตั้งแต่ตอนนี้ ติดต่อ Cartrack

เชื่อว่าคนใช้รถเกือบ 100% ต้องเคยลองพยายามประหยัดน้ำมันรถ ใช้ วิธีประหยัดน้ำมัน ต่างๆ ที่คนนิยมใช้กัน แต่กลับไม่ได้ผลเลย หลักๆ มีอยู่ 5 วิธี