อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คิดง่ายๆ ได้อย่างไร และทำไมต้องคิด?

เมื่อพูดถึงน้ำมันรถหรือน้ำมันเชื้อเพลิง ทุกหยดมีค่ามีความหมาย ด้วยมูลค่าที่สูงมากขึ้นทุกวันๆ การคำนวณค่าน้ำมันและจัดการการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ คือ หัวใจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจต้นทุนของตัวเองและบริหารต้นทุนได้อย่างถูกต้อง

บทความคาร์แทรคตอนนี้สอนวิธีคิดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพื่อคำนวณน้ำมันที่ใช้ไปว่าใช้ไปเท่าไหร่และคิดเป็นมูลค่าเท่าไหร่ เพื่อให้ธุรกิจสามารถคำนวณได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะใช้รถประเภทไหน ใช้เมื่อไหร่ หรือใครเป็นคนใช้รถ

‍

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คืออะไร?

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน คือ ปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่ใช้โดยยานพาหนะคันหนึ่งในช่วงเวลาที่กำหนด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันแสดงถึงประสิทธิภาพการใช้รถ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

‍

ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน?

1. สภาพรถ/เครื่องจักร

รถหรือเครื่องจักรที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ไม่เพียงแต่จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยประหยัดน้ำมันอีกด้วย ปัจจัยต่างๆ ที่เกิดจากสภาพรถ ได้แก่

ยางลมอ่อน: สิ่งนี้ทำให้แรงต้านการหมุนล้อเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อรักษาความเร็ว ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น

ระดับของเหลวไม่เพียงพอ: น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำหล่อเย็นไม่เพียงพอ ส่งผลต่อเครื่องยนต์และลดประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน

‍ระบบเชื้อเพลิงผิดปกติ: ปัญหาเกี่ยวกับหัวฉีด กรองน้ำมัน หรือปั๊มน้ำมัน ส่งผลต่อการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งส่งผลต่อการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย

2. พฤติกรรมของผู้ขับขี่

พฤติกรรมการขับขี่ ไม่เพียงส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถด้วย ปัจจัยต่างๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมผู้ขับขี่ ได้แก่

การขับขี่แบบประมาทและเสี่ยงอันตราย: เช่น การเร่งความเร็วหรือการเบรกกะทันหัน ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

การติดเครื่องยนต์นานเกินเหตุ: เมื่อรถหยุดอยู่เฉยๆ แต่เครื่องยนต์ยังทำงานอยู่ น้ำมันก็ยังคงถูกเผาไหม้ต่อไป ซึ่งหมายความว่าสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น แม้จะไม่ได้ใช้งานรถ

‍การเปลี่ยนเกียร์ไม่ถูกต้อง: การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงตลอดเวลา หรือการเลือกเกียร์ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรถต้องใช้กำลังมากขึ้น

3. สภาพท้องถนน

สภาพถนนส่งผลต่อระดับพลังงานที่ใช้เคลื่อนที่รถ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน ปัจจัยสภาพถนนที่ส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ได้แก่

สภาพผิวถนน: ถนนที่เรียบลดแรงต้านการหมุนล้อ ในขณะที่ถนนขรุขระและไม่เรียบจะเพิ่มแรงต้านการหมุน ซึ่งหมายความว่าต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อให้รถเคลื่อนที่ ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

ระดับความสูงของถนน: การขึ้นเนินต้องการพลังงานมากขึ้น ซึ่งหมายความว่ารถต้องใช้น้ำมันมากขึ้น

‍ถนนที่พังทรุดโทรม: ถนนลูกรังหรือเป็นหลุมบ่อลดประสิทธิภาพการใช้น้ำมันได้ เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของรถที่เพิ่มขึ้นและทำให้ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการวิ่งบนถนนแบบนี้

4. สภาพอากาศ

สภาพอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝนตก พายุ ฝนฟ้าคะนอง ลมแรง เพิ่มแรงต้านได้ ทำให้รถต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นเพื่อรักษาความเร็วและทรงตัวให้ปกติ

‍

‍

สูตรคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน

สูตรนี้เป็นสูตรมาตรฐานในการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ช่วยให้คุณประเมินประสิทธิภาพการใช้น้ำมันของรถได้

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน (ลิตร/100 กม.) = (น้ำมันที่ใช้ (ลิตร) X 100) ÷ ระยะทางที่วิ่ง (กม.)

ตัวอย่าง:

รถคันหนึ่งใช้น้ำมัน 32 ลิตร วิ่งได้ระยะทาง 250 กม. เพื่อคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็น ลิตร/100 กม.

(32 X 100) ÷ 250 = 12.8 ลิตร/100 กม.

ซึ่งหมายความว่า รถคันนี้ใช้น้ำมัน 12.8 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

แม้ว่าคุณจะสามารถคำนวณค่าสิ้นเปลืองน้ำมันด้วยตนเองตามสูตรข้างต้น แต่ Cartrack ช่วยให้ขั้นตอนนี้ง่ายยิ่งขึ้น และมาพร้อมด้วยข้อมูลการใช้รถที่สำคัญและพร้อมใช้งานอีกมากมาย ในรูปแบบของเครื่องมือบริหารจัดการน้ำมันที่ใช้งานง่าย

‍

เครื่องมือบริหารจัดการน้ำมัน ทำอะไรได้บ้าง?

ข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือหรือระบบบริหารจัดการน้ำมัน ช่วยดำเนินงานของกลุ่มยานพาหนะของคุณ ดังนี้:

1. ป้องกันการขโมยน้ำมัน:

ระบบบริหารจัดการน้ำมันช่วยตรวจจับการขโมยน้ำมันที่อาจเกิดขึ้น (เช่น การดูดน้ำมัน การโกงบัตรเติมน้ำมัน ไปจนถึงการทำธุรกรรมปลอมและการโคลนนิ่งบัตรเติมน้ำมัน) 

ระบบนี้สามารถตรวจจับการใช้น้ำมันโดยไม่ได้รับอนุญาตภายในกลุ่มยานพาหนะของคุณได้ทันทีและโดยอัตโนมัติ

2. หยุดยั้งพฤติกรรมการขับขี่ที่สิ้นเปลืองน้ำมัน:

ระบบบริหารจัดการน้ำมันสามารถตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ที่สิ้นเปลืองน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว เช่น การขับรถเร็วเกินกำหนดและการเบรกกะทันหัน

3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของยานพาหนะทั้งหมด:

ระบบบริหารจัดการน้ำมันช่วยระบุพฤติกรรมการสิ้นเปลืองน้ำมัน ปรับปรุงการวางแผนและการเพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถนำกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของรถได้

4. ได้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการบำรุงรักษา:

ระบบติดตามน้ำมันช่วยให้คุณทราบข้อมูลเกี่ยวกับสภาพรถของคุณ การใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น 

การเจอและจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันการเสียหายที่รุนแรงและลดเหตุรถเสียกะทันหันหรือรถไม่สามารถใช้งานฉุกเฉินได้

5. คำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน:

ระบบติดตามน้ำมันสามารถวัดอัตราการใช้น้ำมันของคุณได้โดยใช้เทคโนโลยี GPS และระบบโทรคมนาคมเคลื่อนที่

6. ติดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอน:

ระบบบริหารจัดการน้ำมัน ช่วยคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของกลุ่มยานพาหนะได้ง่ายขึ้น โดยการวัดปริมาณน้ำมันที่รถของคุณใช้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่คิดเป็น 37% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดทั่วโลก

‍

‍

ทำไมการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจึงมีความสำคัญ?

• ควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพได้ชัดเจน: การคำนวณอัตราการใช้น้ำมัน ช่วยให้คุณประมาณการต้นทุนน้ำมันได้อย่างแม่นยำ ด้วยการเข้าใจปริมาณน้ำมันที่รถของคุณใช้ไปอย่างชัดเจน
  
  คุณสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพและระบุโอกาสในการประหยัดต้นทุน นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จโดยรวมของกองรถ
  ‍
• ติดตามประสิทธิภาพและพฤติกรรมการขับขี่ได้: การติดตามอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้คุณระบุการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ทันที
  
  ความผันผวนของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอย่างรวดเร็ว อาจบ่งบอกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม สภาพเครื่องยนต์ที่เสื่อมสภาพ หรือปัญหาลมยาง
  ‍
• ตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลได้: การทราบปริมาณน้ำมันที่รถใช้งานใช้ไปอย่างแม่นยำ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าที่สามารถนำไปตัดสินใจธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด ข้อมูลนี้ช่วยระบุยานพาหนะ เส้นทาง และพฤติกรรมการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดได้

‍

ติดตามและทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถใช้งานของคุณให้ดีขึ้นอย่างแตกต่าง

ใช้โซลูชันอันดับหนึ่งในวงการระบบติดตามยานพาหนะ เพื่อช่วยให้การติดตามอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถของคุณง่ายขึ้นและควบคุมปริมาณการใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด โซลูชันระดับโลกนี้คือ Cartrack

1. ปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่:

ใช้ประโยชน์จากบัตรคะแนนผู้ขับขี่ เพื่อติดตามพฤติกรรมที่เสี่ยงและสิ้นเปลืองน้ำมัน เช่น การเร่งความเร็ว การเบรกกะทันหัน และการขับรถเร็วเกินกำหนด 

การชี้จุดเหล่านี้ช่วยให้คุณทราบข้อมูลเชิงลึกว่า ควรปรับปรุงด้านใดบ้างเพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันให้ตรงจุดและชัดเจน

2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำมันด้วยการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน:

Cartrack ติดตามสุขภาพของรถยนต์อย่างรอบคอบ ช่วยให้คุณกำหนดตารางการบำรุงรักษาตามกำหนดของยานพาหนะ 

ช่วยลดระยะเวลาที่รถไม่สามารถใช้งานได้และเพิ่มประสิทธิภาพของรถ และลดเผาไหม้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็นจากเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ที่เกิดจากการขาดการซ่อมบำรุง

3. ป้องกันการทุจริตน้ำมันและโกงบัตรเติมน้ำมัน:

เทคโนโลยี AI ของ Cartrack จะตรวจสอบใบเสร็จน้ำมันของคุณกับตำแหน่งและสถานะน้ำมันของรถของคุณโดยอัตโนมัติ 

ระบบจะทำการแจ้งเตือนกิจกรรมที่น่าสงสัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายน้ำมันโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การดูดน้ำมันจากถัง ช่วยให้คุณระบุการรั่วไหลของค่าใช้จ่ายน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นได้ และจัดการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ให้คุณตรวจสอบ แก้ไข และลดการสูญเปล่าของค่าใช้จ่ายน้ำมันได้

4. ติดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ แบบอัตโนมัติ: 

รายงานแบบละเอียดของ Cartrack ช่วยให้คุณทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ใช้ในระหว่างการเดินทาง รวมถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถดูได้ง่ายผ่านหน้าระบบติดตามรถของ Cartrack  

ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้ดูแลรถรู้ว่ารถคันไหนปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สูง ช่วยในการตัดสินใจเปลี่ยนรถเป็นแบบรักษาสิ่งแวดล้อม และกำหนดการใช้งานรถได้อย่างเหมาะสม 

นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มมาตรฐานการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบาย ESG ที่กำลังเป็นที่นิยมในแวดวงการลงทุนในธุรกิจที่ดำเนินการตามธรรมาภิบาลด้านต่างๆ

สอบถามข้อมูลระบบติดตามยานพาหนะและการใช้น้ำมัน Cartrack โทรสายตรงถึงเจ้าหน้าที่ได้ที่ 021362920 , 021362921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลาทำการ หรือคลิกที่นี่เพื่อทักไลน์แจ้งชื่อเบอร์โทรเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด