มาตรวัดความเร็ว (Speedometer) คือเครื่องมือที่ใช้วัดและแสดงความเร็วของยานพาหนะในขณะนั้นแบบเรียลไทม์ เหมือน GPS ติดรถที่ติดตามพิกัดรถแบบเรียลไทม์ ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถเกือบทุกคัน รวมถึงยานพาหนะประเภทอื่น เช่น เรือ หรือเครื่องบิน
นอกจากนี้ มาตรวัดความเร็วมักจะทำงานควบคู่กับ มาตรวัดระยะทาง (Odometer) ซึ่งใช้สำหรับบันทึกระยะทางทั้งหมดที่รถเดินทางมาแล้ว
แต่ถ้ารถทุกคันมีมาตรวัดความเร็วอยู่แล้ว ทำไมยังต้องมีมาตรวัดความเร็วใน GPS ติดรถอีก? ความเร็วที่วัดได้จากอุปกรณ์ไหนแม่นยำ เที่ยงตรง และเชื่อถือได้มากกว่า บทความคาร์แทรคตอนนี้จะอธิบายเรื่องนี้ และสาระความรู้อื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าของรถและคนขับรถให้ได้ทราบกัน
มาตรวัดความเร็วรถ หรือ ‘เกจ์วัดความเร็วรถ’ ที่นิยมเรียกกัน เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งของรถ เพราะเป็นส่วนที่คนขับจะเห็นและมองดูบ่อย ๆ ในขณะขับขี่ โดยหน้าที่ของอุปกรณ์ชิ้นนี้ คือ แสดงความเร็วของรถ ณ เวลานั้น ให้คนขับรู้
ลักษณะของมาตรวัดความเร็วส่วนใหญ่จะมีหน้าปัดเป็นเข็มกับตัวเลขชี้วัดไปตามความเร็วขณะขับขี่ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในรถรุ่นใหม่ ๆ บางรุ่น อาจจะมีตัวเลขดิจิตอลเพิ่มเพื่อแสดงความเร็วให้ชัดเจนให้ด้วย หน่วยความเร็วมาตรวัดความเร็วที่ใช้กับรถในไทยส่วนใหญ่คือ กิโลเมตรต่อชั่วโมง (KM/H)
โดยมาตรวัดความเร็วมีหลัก ๆ อยู่ 3 แบบ มาตรวัดความเร็วแบบกลไกธรรมดา มาตรวัดความเร็วแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมาตรวัดความเร็วของ GPS
มาตรวัดประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบในรถรุ่นเก่า การทำงานจะเกิดจากการที่สายเคเบิลที่ต่อจากเกียร์หรือเพลาขับหมุนตามการหมุนของล้อ และส่งแรงหมุนไปที่แม่เหล็กถาวรภายในมาตรวัด
จากนั้นแม่เหล็กจะหมุนในถ้วยโลหะที่ติดกับเข็มวัดและทำให้ถ้วยหมุนตาม เข็มวัดก็หมุนและชี้ไปที่ระดับความเร็วที่สัมพันธ์กัน ข้อเสียคือการชี้วัดความเร็วลักษณะนี้จะแม่นยำลดลง เมื่อสายเคเบิลสึกหรอ
มาตรวัดแบบนี้ใช้กันทั่วไปในรถรุ่นใหม่ ๆ โดยจะใช้เซนเซอร์ เช่น Vehicle Speed Sensor (VSS) ติดที่เกียร์หรือล้อเพลาขับ เพื่อตรวจจับจำนวนรอบหมุน
จากนั้นจะส่งสัญญาณเป็นพัลส์ไฟฟ้าไปยัง ECU หรือแผงหน้าปัด ระบบจะคำนวณความเร็วจากจำนวนพัลส์ต่อวินาที ไปแสดงผลบนหน้าปัดของรถ มาตรวัดแบบนี้จะมีความแม่นยำมากขึ้น แต่ต้องใช้ไฟฟ้าและเซนเซอร์ในการช่วยแสดงผล
มาตรวัดแบบนี้ จะเป็นมาตรวัดที่มากับ GPS ติดตามรถ โดยเหตุที่คนมักเรียกว่า GPS จับความเร็วรถ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ GPS สามารถเป็นมาตรวัดความเร็วรถได้ด้วย
วิธีการทำงานของมาตรวัดแบบนี้คือ ใช้ตำแหน่งจากดาวเทียม GPS มาคำนวณความเร็วจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของรถต่อเวลา ผลที่ได้จะมีความแม่นยำสูงโดยเฉพาะความเร็วเฉลี่ยระยะยาว
แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อยอยู่ตรงที่มาตรวัดอาจจะทำงานไม่เรียลไทม์ในบางพื้นที่ที่อับสัญญาณ GPS เช่น อุโมงค์ ในป่าทึบ แต่เมื่อรถกลับมาอยู่ในพื้นที่ปกติ ที่มีสัญญาณ GPS แล้ว ข้อมูลความเร็วก็จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
นอกจากข้อมูลข้อเสียข้อจำกัดของมาตรวัดความเร็วแต่ละประเภทที่ทำให้มาตรวัดความเร็วอาจแสดงค่า ไม่แม่นยำ ยังมีเหตุผลหรือสาเหตุอื่น ๆ ได้อีกดังนี้
หากเปลี่ยนยางรถเป็นขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงกว่าค่ามาตรฐานของโรงงาน ความยาวรอบหมุนล้อก็สามารถเปลี่ยนไปได้
ซึ่งหากระบบมาตรวัดคำนวณความเร็วของรถจากจำนวนรอบของล้อ ผลความเร็วก็อาจแสดงค่าที่เร็วหรือช้ากว่าความเป็นจริง
ในมาตรวัดความเร็วแบบกลไกธรรมดา สายเคเบิลหรือเฟืองขับอาจหลวม เสื่อม หรือหมุนไม่เต็มรอบ ทำให้ค่าความเร็วที่ส่งไปยังหน้าปัดคลาดเคลื่อนได้
มาตรวัดความเร็วแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็สามารถเกิดเหตุเซนเซอร์ตรวจจับความเร็ว (VSS) เสีย มีคราบสกปรก สนิม หรือสายไฟขาดได้ ทำให้ส่งพัลส์ผิดพลาด และคำนวณความเร็วไม่ถูกต้องได้
แรงดันไฟตกหรือการส่งข้อมูลผิดพลาดจาก ECU ก็สามารถส่งผลให้หน้าจอแสดงความเร็วผิดได้
กรณีนี้จะเกิดขึ้นกับมาตรวัดความเร็วของ GPS เมื่อรถขับอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณดาวเทียม เช่น ขับรถในอุโมงค์ ระหว่างทางแคบของตึกสูง หรือสภาพอากาศไม่ดี นอกจากนี้การคำนวณจาก GPS ติดรถจะไม่เรียลไทม์ มีความหน่วงเวลาเล็กน้อย เมื่อเร่งหรือเบรกรถกะทันหันด้วย
กฎหมายในหลายประเทศ เช่น ประเทศในยุโรป อนุญาตให้ผู้ผลิตรถตั้งค่ามาตรวัดความเร็วให้แสดงเกินค่าความเร็วจริงได้เล็กน้อย เช่น รถวิ่งจริง 100 km/h แต่มาตรวัดอาจแสดง 103–105 km/h เพื่อให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังมากขึ้นในการขับขี่
จากข้อมูลมาตรวัดความเร็วรถทั้งหมดจะเห็นว่า แต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่มาตรวัดความเร็วแบบ GPS จะให้ข้อมูลที่แม่นยำสูงกว่ามาตรวัดความเร็วอื่น ๆ ด้วยการคำนวณความเร็วจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของรถต่อเวลา ซึ่งดีต่อการติดตามกับผู้ที่ต้องการค่าความเร็วเฉลี่ยระยะยาว
การติดตั้ง GPS จับความเร็วรถ มีประโยชน์หลายอย่าง ดังนี้
GPS ติดตามรถยนต์ช่วยติดตามความเร็วรถ ทำให้ป้องกันการขับขี่เร็วเกินกำหนด โดยผู้ดูแลยานพาหนะจะสามารถตรวจสอบและได้รับการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวนี้ ที่นำไปใช้เตือนคนขับได้ทันทีหากมีการขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือเกินกว่าความเร็วที่องค์กรกำหนดไว้
นอกจากนี้ GPS ติดรถที่ติดตามความเร็วของรถยังลดพฤติกรรมการขับขี่เสี่ยง การรู้ว่ามีการติดตามความเร็วจะช่วยให้คนขับระมัดระวังและปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เช่น ลดการเร่งความเร็วหรือการเบรกกะทันหัน เมื่อป้องกันการขับเร็วได้ ก็ลดการขับขี่เสี่ยง ก็ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้ตามมา
ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้อย่างแรกคือ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง การขับขี่ด้วยความเร็วคงที่และไม่เกินกำหนดช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดการเร่งและลดความเร็วที่ไม่จำเป็น
ค่าใช้จ่ายต่อมาที่สามารถประหยัดได้คือ ค่าบำรุงรักษายานพาหนะ เพราะการขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้นหรือไม่เร็วเกินไปช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ระบบเบรก และยาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ตามมา
เจ้าของธุรกิจหรือผู้จัดการดูแลยานพาหนะสามารถตรวจสอบได้ว่าพนักงานขับรถขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านการขนส่ง (โดย GPS จับความเร็วรถ สามารถเป็นอุปกรณ์ตัวเดียวกับ GPS กรมการขนส่งทางบก ที่ส่งข้อมูลเวลาการใช้รถและความเร็วการขับขี่ได้ด้วยเช่นกัน)
ข้อมูลความเร็วการขับขี่ที่ได้ยังสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของคนขับแต่ละคน เพื่อใช้ในการฝึกอบรมเพิ่มเติมสำหรับคนขับที่อาจมีพฤติกรรมการขับขี่ที่เสี่ยงอันตราย
เหตุการณ์สำคัญหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในการขับขี่คือ อุบัติเหตุ ข้อมูลความเร็วจาก GPS ติดรถสามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการวิเคราะห์หาสาเหตุและพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โดยเฉพาะหากฝ่ายคุณไม่ใช่คนผิด ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเคลมประกันหรือกระบวนการทางกฎหมาย
หรือในกรณีที่รถประสบปัญหาหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน การมีข้อมูลความเร็วและตำแหน่งที่แม่นยำช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
จากวิธีการทำงานของมาตรความเร็ว GPS ติดรถ ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมข้อมูลการใช้รถที่ได้จึงแม่นยำกว่า
นอกจากความแม่นยำที่มากกว่า หากเจ้าของรถต้องการประสิทธิภาพการป้องกันอุบัติเหตุที่สูงกว่า และหลักฐานการขับขี่ที่ชัดเจน โดยเฉพาะรถที่ใช้งานในธุรกิจต่าง ๆ รถเช่า หรือรถส่วนกลางในองค์กร บริษัท หรือ การติดตั้ง GPS เพื่อวัดความเร็วรถเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการแบบนี้ได้
CARTRACK ระบบ GPS ติดตามรถด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เราเป็นบริษัทรับติดตั้ง GPS ที่ให้บริการติดตั้ง GPS รถ เครื่องจักร เรือ และยานพาหนะเคลื่อนที่บนภาคพื้นทุกรูปแบบ
ทั้ง GPS ติดรถมอเตอร์ไซค์ GPS เครื่องจักรรถก่อสร้าง GPS เรือขนส่งสินค้า หรือ GPS เรือโดยสาร เราก็รับติดตั้ง และติดตั้งโดยช่างติดตั้ง GPS ผู้ชำนาญการที่เป็นพนักงานประจำของเรา ไม่ใช่ outsource (จ้างบุคคลภายนอก) เพื่อให้ได้มาตรฐานการติดตั้ง GPS ของ CARTRACK ด้วย
หากธุรกิจใดสนใจติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก GPS รถเช่า GPS รถยนต์เพื่อใช้งานในธุรกิจ GPS สำหรับรถประเภทต่าง ๆ หรือจะเป็นอุปกรณ์เสริมอย่างเซนเซอร์น้ำมันหรือกล้องติดรถ ท่านสามารถโทรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้โดยตรงที่หมายเลข 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น.
หรืออีกวิธีคือ ส่งข้อมูลติดต่อกลับที่ฟอร์มด้านบน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุดฟรี! GPS และ Fleet Management System จาก CARTRACK ระบบติดตามรถและจัดการยานพาหนะที่ผู้ใช้รถมั่นใจ เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่รับประกัน GPS และอุปกรณ์ตลอดอายุการใช้งาน
พิเศษเฉพาะบทความคาร์แทรค! สำหรับลูกค้ากรอกข้อมูลติดต่อที่นี่เพื่อติดตั้ง GPS ติดตามรถ รับทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ตอบ: ไม่มีค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการติดตั้ง GPS ติดรถยนต์ CARTRACK จะมีเพียงค่ากล่อง GPS เท่านั้น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกชำระเป็นรายปีหรือรายเดือนก็ได้* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ทางบริษัทฯ กำหนด)
ทั้งนี้หากคุณต้องการติดตั้งอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น เซนเซอร์น้ำมัน เซนเซอร์ตรวจจับการเปิด-ปิดประตูตู้สินค้า เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ กล้องติดรถ กรณีนี้จึงจะมีค่าบริการเพิ่มเติม โดยสามารถสอบถามรายละเอียดทั้งหมดกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้โดยตรง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-136-2920, 02-136-2921 ในช่วงเวลาทำการ หรือกรอกแบบฟอร์มติดต่อข้างบนบทความนี้
ตอบ: ทำได้ ผู้ใช้งานระบบติดตามรถ CARTRACK สามารถเช็กการอัปเดตข้อมูลจาก GPS ที่ติดตั้งกับรถแต่ละคันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านระบบจัดการยานพาหนะหรือ Fleet Management ที่เว็บไซต์ https://fleetweb-th.cartrack.com/login หรือแอปพลิเคชัน CARTRACK รองรับทั้งระบบ iOS และ Android
ตอบ: GPS ติดรถ แบบจ่ายรายปีจาก CARTRACK จะต่ออายุบริการ GPS แบบอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกของการใช้งานแบบต่อเนื่อง ข้อมูลการใช้รถไม่สะดุดหรือขาดตอน ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องติดต่อเข้ามาอีกเพื่อแจ้งต่อสัญญา
ส่วนลูกค้าที่ครบกำหนดสัญญาและต้องการยกเลิกบริการ GPS กับทาง CARTRACK ในกรณีนี้จะต้องติดต่อเข้ามาหาบริษัทด้วยตนเอง เพื่อแจ้งความประสงค์ยกเลิกใช้บริการล่วงหน้าก่อนหมดอายุสัญญา ไม่เช่นนั้นระบบจะต่อสัญญาให้อัตโนมัติ
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: CARTRACK GPS หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
ขับเร็วแค่ไหน อันตรายเกินไปหรือไม่? มาตรวัดความเร็วบอกได้! แต่ถ้ารถทุกคันมีมาตรวัดฯ อยู่แล้ว ทำไมต้องมีมาตรวัดความเร็วใน GPS ติดรถอีก อ่านข้อมูลในบทความนี้