เชื่อว่าเจ้าของรถรวมถึงเจ้าของธุรกิจที่ใช้งานรถคงจะเริ่มได้ยินคำว่า “เซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน” ผ่านหูกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย หรือถ้ารู้จักก็อาจจะยังไม่เข้าใจความสามารถของมันเต็มร้อยเท่าใดนัก เป็นต้นว่าพนักงานขับรถอาจรู้สึกว่า เซนเซอร์นี้เป็นเครื่องมือคอยจับผิด เจ้าของรถก็อาจมองว่า แค่ติดตั้งเพื่อวัดปริมาณน้ำมัน ถ้าไม่รู้สึกว่ามีการโกงน้ำมัน ก็ไม่จำเป็นต้องลงทุน
แต่ความจริงแล้วเป้าหมายในการใช้งานของเซนเซอร์น้ำมันเป็นอย่างไรกันแน่ มันช่วยควบคุมการใช้น้ำมันให้ธุรกิจได้อย่างไร บทความคาร์แทรคตอนนี้จะพาคุณไปเข้าใจประสิทธิภาพของเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงให้ชัดเจนยิ่งขึ้นกัน
เซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน คืออุปกรณ์สำหรับตรวจสอบและวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในถังแบบเรียลไทม์ (Real-Time) พร้อมบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบจัดการน้ำมัน ทำให้เจ้าของรถสามารถตรวจสอบได้ว่าน้ำมันถูกเติมเข้ามาเวลาใด มีการใช้ไปเท่าไหร่ในระยะทางเท่าไหร่
โดยธุรกิจใช้รถสามารถนำข้อมูลน้ำมันนี้ไปเทียบกับใบเสร็จค่าน้ำมัน รวมถึงนำไปปรับปรุงต้นทุนค่าน้ำมันในแต่ละเดือน สำหรับรถแต่ละคันได้ โดยไม่จำเป็นต้องจดบันทึกให้ยุ่งยาก เพราะข้อมูลของรถทุกคันที่ติดเซนเซอร์น้ำมันจะถูกบันทึกไว้ในระบบอัตโนมัติอยู่แล้วนั่นเอง
หรือหากเจ้าของธุรกิจตรวจสอบพบว่าต้นทุนค่าน้ำมันที่ใช้ ไม่สัมพันธ์กับปริมาณน้ำมันที่เติม แต่ไม่สามารถตรวจสอบหาต้นตอได้ การติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันก็จะช่วยบอกข้อมูลในส่วนนี้ได้เช่นกัน
รูปแบบของเซนเซอร์น้ำมันในปัจจุบันเริ่มมีให้เลือกหลากหลายขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างก็เริ่มหันมาสนใจที่จะควบคุมต้นทุนน้ำมันอย่างจริงจัง โดยรูปแบบและการทำงานเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีการใช้งานปัจจุบัน มีดังนี้
รูปแบบแรกเป็นเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันที่อ่านค่าจากลูกลอย ติดตั้งง่ายที่สุด มีราคาถูกที่สุด มีความเสถียรในการใช้วัดระดับน้ำมัน แต่เมื่อเทียบกับเซนเซอร์น้ำมันรุ่นอื่น ๆ อาจจะถือว่าน้อยที่สุด
ไม่ว่าจะต้องการติดตามการใช้น้ำมันของรถยนต์ รถแท็กซี่ รถตู้ รถทัวร์ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ เซนเซอร์อนาล็อกก็รองรับ เพราะเป็นรูปแบบที่ใช้งานกับรถที่มีเข็มน้ำมันได้ถึง 99%
เซนเซอร์รูปแบบต่อมาคือ CANBus เซนเซอร์วัดน้ำมันดิจิตอลรุ่นนี้จะมีความเสถียรมากกว่าอนาล็อก อ่านค่าน้ำมันได้แม่นยำมากขึ้น โดยวัดระดับน้ำมันจากการอ่านค่าจาก ECU (Engine Control Unit) ของรถ ซึ่งเป็นระบบการอ่านและประมวลข้อมูลการทำงานภายในเครื่องยนต์ เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ภายในรถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อจำกัดในการใช้งานคือติดตั้งได้เฉพาะรถที่มี ECU ที่อ่านค่าน้ำมันได้ หากรถไม่มีระบบ ECU ตั้งแต่ออกมาจากโรงงาน อาจจะต้องพิจารณาติดตั้งเซนเซอร์รุ่นอื่น ๆ แทน
ถัดมาคือเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันแบบ Probe หรือ Tube ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแท่งยาว ๆ สามารถวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงได้แม่นยำที่สุด แต่ใช้งานได้กับรถที่มีถังน้ำมันอยู่ภายนอกตัวรถเท่านั้น เช่น รถบรรทุก รถพ่วง รถ 6 ล้อ รถ 10 ล้อ
ข้อดีของเซนเซอร์รุ่นนี้ คือ อ่านค่าได้แม่นยำที่สุด และมีความทนทานมาก เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาการทำงานของลูกลอย รวมถึงการติดตั้งในถัง อีกทั้ง Probe ยังมีช่องกลวงภายในทำให้เซนเซอร์สามารถวัดปริมาณน้ำมันได้แบบละเอียดกว่าเซนเซอร์รุ่นอื่น
เซนเซอร์น้ำมันรุ่นสุดท้ายนี้คือ เซนเซอร์อัลตราโซนิก เป็นเซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของตัวถังน้ำมันด้วยสารชนิดพิเศษ อ่านปริมาณน้ำมันผ่านการส่งสัญญาณจากตัวเซนเซอร์
ข้อจำกัดของเซนเซอร์รูปแบบนี้คือ ไม่ใช่ถังน้ำมันทุกแบบที่เหมาะสมกับการติดตั้งเซนเซอร์รูปแบบนี้ เพราะหากตัวถังมีขนาดหนาเกินไป การอ่านค่าก็อาจจะผิดเพี้ยนได้
ต่อมาคือเรื่องราคา ราคาของเซนเซอร์รูปแบบนี้ค่อนข้างสูง หลายคนจึงอาจมองได้ว่าไม่คุ้มค่ากับรถรุ่นเก่า หรือรถที่ใช้งานอย่างสมบุกสมบันมากๆ
นอกจากนี้เนื่องจากเป็นการติดตั้งที่ด้านนอกถัง หากผู้ติดตั้งไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ อาจทำให้ตำแหน่งที่ติดตั้งนั้นไม่สามารถอ่านค่าได้อย่างเหมาะสม หรือหากใต้ท้องรถขูดกับตัวเซนเซอร์ก็อาจทำให้เครื่องมือหลุดออกจากตัวถังน้ำมันได้
เมื่อมีอุปกรณ์เซนเซอร์และระบบจัดการน้ำมันช่วยบันทึกข้อมูลการใช้น้ำมันที่เป็นลายลักษณ์อักษร ย่อมทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบการใช้น้ำมันได้อย่างละเอียด รวมถึงยังควบคุมการใช้น้ำมัน และประโยชน์อื่น ๆ ที่เป็นผลพลอยได้มากมาย ดังนี้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจมีรถส่วนมากต้องเจอ โดยเฉพาะรถบรรทุกหรือรถขนส่งสินค้าที่เดินทางระยะไกล และต้องนำใบเสร็จมาเบิกค่าน้ำมัน คือปัญหาการขโมยหรือโกงน้ำมัน ซึ่งเจ้าของธุรกิจอาจจะไม่ได้เอะใจ
เนื่องจากรูปแบบการโกงน้ำมัน มักจะมีการเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนแล้วดูดน้ำมันออกจากถังไปบางส่วน ก่อนจะนำไปขายให้ที่รับซื้อน้ำมันเถื่อน ไม่หลงเหลือหลักฐานใด ๆ นอกจากใบเสร็จค่าน้ำมันที่คนขับรถนำมายื่น
หากไม่มีเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันที่แน่นอนอย่างเซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน ก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ กว่าจะรู้ตัว คุณอาจสูญเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปในแต่ละเดือน แต่รวม ๆ แล้วมีมูลค่ามหาศาลก็ได้
ธุรกิจใด ๆ ก็ตาม ยิ่งมีรถใช้งานจำนวนมาก ต้นทุนค่าน้ำมันก็ยิ่งเพิ่มตาม ซึ่งหากคุณตรวจสอบได้ว่าปริมาณน้ำมันทั้งหมดเป็นน้ำมันที่ถูกใช้จริง ไม่ได้มีการโกงน้ำมัน คุณก็อาจจะจัดการวางแผนต้นทุนน้ำมันได้ง่ายขึ้น
หรือแม้แต่บางธุรกิจที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่ากำลังถูกโกงค่าน้ำมัน ทั้งที่รถวิ่งในเส้นทางเดิม การตรวจสอบข้อมูลส่วนนี้ได้อาจทำให้คุณรู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเลขค่าน้ำมันอาจถูกกว่าที่จ่ายอยู่ก็ได้
เนื่องจากเซนเซอร์น้ำมันจะต้องทำงานร่วมกับ GPS ติดรถ เพื่อติดตามตำแหน่งรถ และอุปกรณ์นี้สามารถบันทึกข้อมูลความเร็วที่ใช้ ระยะทาง และพฤติกรรมอื่น ๆ ได้ เช่น การเข้าโค้งแรง การสตาร์ทเครื่องแต่จอดแช่เพื่องีบหลักพักผ่อน
ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เจ้าของธุรกิจรู้ว่าพนักงานขับรถมีพฤติกรรมใดที่ควรปรับปรุง หากปรับพฤติกรรมการขับกระชาก การจอดรถติดเครื่องไว้ได้ ก็จะทำให้การเผาผลาญน้ำมันโดยไม่จำเป็นลดลง ส่งผลให้ต้นทุนลดลงด้วยนั่นเอง
รวมถึงการที่พนักงานมีความบริสุทธิ์ใจที่จะให้ตรวจสอบ การติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันก็ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้าและลูกน้องอีกด้วย เพราะ GPS ตรวจสอบน้ำมันจะช่วยตรวจสอบข้อมูลการใช้น้ำมันได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยหรือระแวงกันไปโดยไม่มีหลักฐาน
จุดตั้งต้นจากการใช้รถที่ไม่ถูกต้อง อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ มากกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับรถออกตัวกระชาก หรือเข้าโค้งแรง การกระทำนี้อาจทำให้อายุการใช้งานของอะไหล่ต่าง ๆ ของรถสั้นลง ทั้งยางรถ ผ้าเบรก
รวมถึงอาจเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย เนื่องจากรถขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุกมีจุดบอดหรือจุดอับสายตาหลายจุด
หากขับขี่อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ก็อาจเกิดอุบัติเหตุหรือการทำผิดกฎจราจรได้ ทำให้ธุรกิจต้องจ่ายค่าปรับ หรือค่าชดเชยความเสียหายแทนคนขับรถ หากบานปลายก็อาจจะกระทบกับชื่อเสียงของบริษัทได้เลย
เมื่อคุณมีข้อมูลการใช้น้ำมันรวมถึงข้อมูลพฤติกรรมของคนขับรถอยู่ในมือ คุณก็สามารถนำข้อมูลแต่ละเดือนมาเปรียบเทียบ เพื่อนำไปปรับปรุง เพิ่ม หรือลดต้นทุนส่วนอื่น ๆ ได้ เป็นประโยชน์ในแง่ของการวางแผนธุรกิจที่คุณอาจคาดไม่ถึง
เซนเซอร์น้ำมัน ไม่ใช่เพียงอุปกรณ์วัดระดับน้ำมันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ข้อมูลที่คุณจะได้รับนั้นยังสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจได้หลากหลาย
การต่อยอดที่สำคัญที่สุดคือ การลดต้นทุนส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคขนส่ง การนำข้อมูลไปใช้อบรมพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงาน หรือแม้แต่วางแผนการใช้ต้นทุนในอนาคต ถือเป็นการลงทุนอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจมีรถอย่างมากทีเดียว
หากสนใจติดตั้งระบบเซนเซอร์น้ำมัน สามารถโทรสอบถามรายละเอียดโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้ที่หมายเลข 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น. หรือกรอกฟอร์มที่ด้านบน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อ GPS ติดตามรถ รับทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ตอบ: เซนเซอร์น้ำมันรุ่นอนาล็อก (Analog) เป็นรุ่นที่ติดตั้งได้ง่ายที่สุด ใช้เวลาไม่นาน ทำหน้าที่วัดปริมาณน้ำมันโดยทำงานร่วมกับลูกลอยในถังน้ำมัน และเกจ์วัดน้ำมันที่หน้าปัดรถ
ตอบ: ไม่ส่งผล เนื่องจากอุปกรณ์ Probe มีลักษณะเป็นท่อยาวที่ด้านในกลวง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวัดระดับน้ำมันที่แม่นยำ อุปกรณ์ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม มีความทนทานสูงและมีน้ำหนักเบา ดังนั้นการติดเซนเซอร์น้ำมันแบบเจาะถังนี้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในระดับที่ส่งผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
ตอบ: ผู้ใช้งานเซนเซอร์น้ำมัน CARTRACK สามารถตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือนความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับถังน้ำมันได้ถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ อีเมล, LINE, Telegram, ฯลฯ (หากต้องการทราบข้อมูลส่วนนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้โดยตรง)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
ธุรกิจมีรถติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันที่รถ ก็ช่วยคุมการใช้น้ำมันได้แล้วจริงหรือ? มาดูวิธีการทำงานและรูปแบบของเซนเซอร์น้ำมัน ที่ใครคิดจะติดตั้งต้องรู้ก่อน!