ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถยนต์ คือพาหนะที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์อย่างมาก โดยเฉพาะเกียร์ออโต้ที่ได้รับความนิยมสูงกว่ารถแบบเกียร์กระปุก เนื่องจากขับง่าย เบา ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานได้สะดวก แม้จะขับขี่ได้ง่ายกว่า แต่การขับเกียร์ออโต้ก็ต้องมาพร้อมทักษะในการใช้ที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ได้
บทความคาร์แทรค (CARTRACK) ตอนนี้ เราจะพาคุณไปเทคนิคในการขับรถเกียร์ออโต้ ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทรถจนถึงตอนจอดกัน แม้ว่า CARTRACK จะชำนาญในเรื่องของอุปกรณ์ GPS ติดตามรถ มากกว่า แต่รับรองว่าความรู้ในการขับขี่เราก็มีไม่น้อย จะมีเทคนิคอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย
บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:
ระบบของรถยนต์ที่ใช้งานในปัจจุบัน
วิธีขับรถเกียร์ออโต้ให้มีประสิทธิภาพ
ระบบของรถยนต์ที่ใช้งานในปัจจุบัน รถยนต์ที่มีการผลิตออกมาจำหน่ายในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระบบใหญ่ ๆ ได้แก่ รถยนต์เกียร์ธรรมดา และ รถยนต์เกียร์ออโต้ ในรถยนต์ 2 ระบบนี้ ระบบเกียร์ออโต้ คือระบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขับสบาย เหยียบแค่เบรกกับคันเร่งเท่านั้น ไม่ต้องคอยเหยียบคลัทช์ ผ่อนคลัทช์ แบบรถเกียร์ธรรมดาที่กว่าจะออกรถได้ก็กินเวลาหลายวินาที ไม่ค่อยทันใจเท่าใด
ยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องอาศัยความเร็วอย่างการยูเทิร์นรถยนต์ในแยกที่ไม่มีไฟแดงแล้ว มันดูไม่ค่อยปลอดภัยเอาเสียเลย อีกทั้งหากผ่อนคลัทช์ไม่ได้จังหวะกับเครื่องยนต์ รถก็จะกระชากแล้วก็ดับ ต้องมาสตาร์ทกันใหม่อีก ในขณะที่เกียร์ออโต้ ลืมปัญหาเหล่านี้ไปได้เลย …
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ารถยนต์เกียร์ออโต้จะขับได้ง่าย ไม่ต้องอาศัยทักษะมาก แต่เราก็จำเป็นต้องรู้วิธีขับรถเกียร์ออโต้ เพื่อให้การขับรถทำได้อย่างดีมากขึ้น ขับแล้วนิ่มเหมือนเป็นมือโปร
(H2) วิธีขับรถเกียร์ออโต้ให้มีประสิทธิภาพ
วิธีขับรถเกียร์ออโต้ให้มีประสิทธิภาพ มีวิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องดังต่อไปนี้
ก่อนจะสตาร์ทรถ – ให้คุณตรวจดูตำแหน่งเกียร์ก่อนว่าอยู่ในตำแหน่งใด ซึ่งโดยทั่วไปควรอยู่ที่ตำแหน่ง P แต่ถึงคุณดูแล้วเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง P คุณก็ต้องตรวจให้แน่ใจอีกทีว่าคันโยกอยู่ที่ P จริงๆ เพราะเคยมีกรณีที่คันโยกของเกียร์ค้างอยู่ที่ P กับ R เมื่อสตาร์ทรถขึ้น ปรากฏว่ารถเกิดการกระชากจนเกียร์มาตกที่ตำแหน่ง R แบบไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้นก่อนสตาร์ทรถ อย่าลืมดูตำแหน่งเกียร์ให้แน่ชัดด้วย เมื่อสตาร์ทรถแล้ว – ให้เหยียบเบรกเสมอ ก่อนจะทำการทดเกียร์ เพราะในบางเกียร์ เช่น R และ D จะเป็นเกียร์ที่ทำให้รถเคลื่อนที่ หากคุณเข้าเกียร์ทั้งๆ ที่ยังไม่เหยียบเบรก จะทำให้รถกระชาก หรือเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากคุมรถไม่อยู่ เมื่อเข้าเกียร์ได้แล้ว จึงค่อยๆ ผ่อนเบรกจนรถเริ่มเคลื่อนตัวต่อไป ภายหลังจากที่ปล่อยเบรก – จนรถเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือถอยหลังตามเกียร์ที่คุณเลือกแล้ว อย่าเพิ่งรีบเหยียบคันเร่งทันที ลองประเมินความเร็วรถยนต์ในขณะนั้นก่อน ว่าเร็วหรือช้ามากน้อยเพียงใด และสภาพทางที่กำลังขับอยู่นั้นเหมาะสมกับการใช้ความเร็วมากน้อยแค่ไหน ถ้ารู้สึกว่าเร็วอยู่แล้ว คุณก็อาจจะกดคันเร่งเพียงเล็กน้อย หรือบางทีคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งเลยก็ได้ แค่คอยควบคุมระบบเบรกแล้วให้รถเคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ การควบคุมคันเร่ง – ระวังอย่าเหยียบคันเร่งแบบฉับพลัน เนื่องจากจะทำให้รอบเครื่องยนต์ของรถพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดปกติ จนทำให้รู้สึกว่าขับรถไม่นิ่ม หากต้องการเร่งความเร็ว ให้ใช้วิธีค่อยๆ กดคันเร่งลงไป ให้รู้สึกว่ารถค่อยๆ เร็วขึ้น เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการแล้ว ให้ค้างเท้าไว้ที่ความลึกจุดนั้น ไม่ต้องกดคันเร่งต่อไปอีก จะทำให้รถของคุณมีความเร็วคงที่แบบไม่จำเป็นต้องใช้เบรกช่วย เมื่อต้องการเบรก – ให้ถอนเท้าออกจากคันเร่ง แล้วค่อยๆ กดเบรก ตัวรถจะชะลอความเร็วลง จนกระทั่งหยุด หรือถ้าคุณต้องการให้รถเบรกในระยะที่ใกล้ขึ้น ให้คุณใช้แรงกดเบรกพอสมควร ไม่ต้องมาก โดยเมื่อกดลงไปแล้วครั้งหนึ่งให้ผ่อนเท้าออก จากนั้นกดเบรกลงไปใหม่ ทำย้ำๆ ซ้ำๆ คุณก็จะสามารถเบรกได้ในระยะที่ใกล้กว่าปกติ โดยยังคงความนิ่มนวลในการขับอยู่ ทั้งนี้ ขอให้คุณอย่าใช้วิธีกระทืบเบรกลงไปแบบสุดเท้าเลยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดการเบรกแบบฉับพลันจนรถกระชาก คนในรถหัวพุ่งกันไปตามๆ กัน ยิ่งถ้าคุณมาด้วยความเร็วสูงมากๆ การเบรกแบบฉับพลัน อาจทำให้รถเสียการทรงตัว เกิดการพลิกคว่ำ หรือควบคุมรถไม่ได้จนเกิดอุบัติเหตุได้ การจอดรถเกียร์ออโต้ – ถ้าเป็นการจอดชั่วคราวอย่างเช่นจอดติดไฟแดง หรือจอดให้คนที่โดยสารมาด้วยลงไปทำธุระสักครู่ อย่าใช้วิธีเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ N ระหว่างการจอด เนื่องจากจะทำให้ระบบเกียร์สึกหรอได้เร็วกว่าปกติ อีกทั้งเกียร์ N เป็นเกียร์ธรรมชาติที่ไม่มีสิ่งใดห้ามรถไว้ หากคุณจอดรถด้วยเกียร์ N ไว้บนทางที่ค่อนข้างลาด รถอาจจะเกิดการไหลแบบไม่ได้ตั้งใจได้ ทางที่ดี ถ้าคุณจอดแค่ชั่วขณะ แนะนำว่าไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ให้ค้างไว้ที่เกียร์ D นั้นเลย แล้วใช้วิธีเหยียบเบรกเอา แต่ในบางครั้งถ้าคุณต้องจอดรถเป็นเวลานานๆ จนเกิดอาการปวดเท้าขึ้น คุณจะเปลี่ยนเกียร์เป็น N ก็สามารถทำได้ แต่คุณต้องดึงเบรกมือขึ้นด้วย เพื่อป้องกันรถไหล ทั้งหมดนี้คือเทคนิคในการขับรถเกียร์ออโต้ที่คุณสามารถลองนำไปทำตามกันได้ CARTRACK หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถทั้งต่อตัวคุณ และเพื่อนร่วมทาง อย่าลืมขับขี่ด้วยความไม่ประมาทเพื่อให้ไปถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ และอย่าลืมติดตามสาระดี ๆ จากเราได้ในบทความตอนหน้า
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: CARTRACK GPS หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที