ตั้งแต่เข้าปี 2022 จนตอนนี้ล่วงเลยมาถึงปี 2025 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่าน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกระทบทุกคน เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนการขนส่ง ซึ่งอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้ว
บทความตอนนี้ คาร์แทรค ในฐานะผู้นำด้านระบบจัดการยานพาหนะและระบบจัดการน้ำมัน เลยมีวิธีประหยัดน้ำมันที่ทำได้จริง และทำได้ไม่ยากมาฝากกัน จะนำไปใช้บางข้อหรือทุกข้อ ก็รับรองว่าธุรกิจใช้รถจะเห็นค่าน้ำมันลดลงแน่นอน
การขับขี่ด้วยความเร็วที่คงที่ จะช่วยให้เครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงในระดับเท่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้เราสามารถคาดคะเนค่าเฉลี่ยในการใช้น้ำมันได้ และเครื่องยนต์จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วการขับขี่บ่อย ๆ
โดยปกติแล้ว ค่าความเร็วของการขับขี่ในเมืองที่เหมาะสมอยู่ที่ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยหรือขับขี่บนเส้นทางมอเตอร์เวย์
หากต้องการเปลี่ยนความเร็วระหว่างขับขี่จริง ๆ แนะนำให้ค่อย ๆ เปลี่ยน ดังนั้นเวลาขับขี่ควรมีการวางแผนล่วงหน้า ทั้งเส้นทางและสภาพการจราจร เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรปรับเปลี่ยนความเร็วตอนไหน
การบรรทุกของหนักรวมไปถึงการบรรทุกผู้โดยสารที่เยอะ ทำให้รถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่ากับต้องใช้แรงเครื่องยนต์มากขึ้น ดังนั้นการลดน้ำหนักของด้วยการลดจำนวนข้าวของที่อยู่ในรถ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้
เกณฑ์วัดความสมบูรณ์ของสภาพรถที่คนใช้รถจะตรวจสอบได้ง่าย ๆ คือ ลมยางรถ เพราะยางล้อรถที่พอดีจะช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปได้มาก
ตั้งแต่ก่อนเติมน้ำมัน เราควรตรวจสภาพลมยางก่อน โดยค่าลมยางขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความเร็วในการขับขี่ประจำของเรา
ปัจจุบันยังมีค่าลมยางของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาด้วย สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ในอินเทอร์เน็ตหรือจากศูนย์รถที่ซื้อมาในตอนแรก
วิธีเติมยางลมรถควรเติมลมให้พอดี ไม่เติมน้อยไปหรือแน่นเกินไป และควรเติมลมยางรถตอนเพิ่งเริ่มใช้รถครั้งแรกของวัน เพราะจะเป็นช่วงที่ยางรถยังเย็น หากเติมหลังจากขับรถมาแล้วทั้งวัน ค่ายางล้อรถอาจจะผิดพลาด ทำให้เติมลมผิดพลาดไปด้วย
นอกจากนี้ยังมีผ้าเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ที่ควรเปลี่ยนใหม่หรือเติมตามระยะทางที่ขับขี่หรือระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
อธิบายแบบง่าย ๆ คือ การเปลี่ยนเกียร์เวลาที่รถอยู่ในความเร็วที่ไม่เข้ากับเกียร์ที่เปลี่ยน จะส่งผลให้เครื่องยนต์กระตุกหรือกระชาก ซึ่งส่งผลให้มีการกินน้ำมันเยอะในจังหวะนี้
ข้อนี้ส่วนมากทำได้กันอยู่แล้ว เพราะตอนซื้อรถ ผู้ใช้รถจะรับทราบกันอยู่แล้วว่าจะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอะไร นอกจากนี้ประเภทของน้ำมัน ยังมีระบุชัดเจนอยู่ในข้อมูลการใช้รถอันดับแรก ๆ
หากจำเป็นหรือต้องการเปลี่ยนประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคต ควรเลือกที่ยังเข้ากันกับเครื่องยนต์อยู่ ไม่เปลี่ยนไปใช้แบบที่ต่างไปจากเดิมสุดขั้ว
เช่น จากเบนซินไปใช้ดีเซล เพราะการเปลี่ยนสุดขั้วแบบนี้อาจถึงขั้นทำให้เครื่องยนต์รถเสียหายได้เลย
การใช้รถน้อยไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันเสมอไป หลายคนเข้าใจว่าการขับเป็นระยะทางสั้น ๆ ช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ความเป็นจริงแล้ว การติด ๆ ดับ ๆ เครื่อง ทำให้เราต้องสตาร์ทเครื่องใหม่บ่อย ๆ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่กินน้ำมันอย่างมาก
หากจำเป็นต้องไปแวะจอดหลายจุด แนะนำให้สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ดีกว่าดับเครื่องไปเลย การสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้จะช่วยให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิทำงานที่เหมาะสมและเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่า
คาร์แทรคเชื่อว่ายังมีวิธีประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอีกมากมายที่ผู้ใช้รถสามารถทำได้ แต่ 7 วิธีเด็ด ๆ ที่เราเลือกมาแนะนำในบทความนี้ เราคัดมาแล้วว่าทำได้ง่ายและได้ผลลัพธ์ประหยัดเงินในกระเป๋าเพิ่มได้มาก ที่สำคัญยังช่วยปรับพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถให้ดีขึ้นได้ในคราวเดียวกันด้วย
สำหรับคนที่ดูแลรถหลายคัน เช่น รถบริษัท รถบรรทุกขนส่ง หรือรถในภาคอุตสาหกรรม เช่น รถติดเครื่องจักร หรือแม้แต่ผู้ใช้รถส่วนตัวที่ต้องการดูแลรักษารถให้ละเอียดและวัดคุณภาพการดูแลรักษาหรือใช้งานได้ การใช้ระบบจัดการยานพาหนะหรือ Fleet Management ก็เป็นตัวช่วยที่ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและมีประสิทธิภาพ
โดย Fleet Management เป็นระบบบริหารจัดการยานพาหนะ ที่จะติดตามและบันทึกข้อมูลการใช้ยานพาหนะ ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่ระบบเครื่องยนต์ไม่ได้บันทึกไว้หรือบันทึกไว้ไม่ละเอียดพอที่จะใช้คำนวณผลได้
ข้อมูลที่ได้จาก Fleet Management จะสามารถนำวิเคราะห์ผล เพื่อใช้ในการปรับปรุงการใช้ยานพาหนะต่อไปในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับขี่ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ระยะเวลาและลักษณะการใช้ยานพาหนะ ไปจนถึงการดูแลรักษาเครื่องยนต์
ทั้งนี้ ข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงใน Fleet Management จะแสดงให้เห็นการใช้งานที่ละเอียด เช่น ใช้น้ำมันมากสุดตอนไหน โดยรถคันไหน จอดแช่หรือเผาผลาญเชื้อเพลิงไปเสียเปล่าที่ตอนไหน หรือถูกขโมยน้ำมันหรือโกงบัตรเติมน้ำมัน ข้อมูลใน Fleet Management คือ หลักฐานยืนยันที่เชื่อถือได้และชัดเจนที่สุด
หากคุณสามารถควบคุมหรือตรวจสอบการใช้งานและระดับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ ก็จะช่วยควบคุมค่าน้ำมัน ลดจุดบอดการใช้งาน ซึ่งสำหรับภาคธุรกิจเท่ากับเป็นการลดต้นทุนได้มากมายมหาศาลในแต่ละปี เพราะสำหรับธุรกิจแล้ว ค่าขนส่ง คิดเป็นอย่างน้อย 60% ของต้นทุนทั้งหมดของธุรกิจ
สนใจระบบ GPS ติดตามรถ GPS วัดระดับน้ำมัน พร้อม Fleet Management ที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพที่สุด ใช้ได้กับรถทุกประเภทและรถธุรกิจกับรถส่วนบุคคล รับคำแนะนำหรือขอคำปรึกษาฟรีกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้ที่หมายเลข โทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
หรือคลิกทดลองใช้ฟรี หรือฟอร์มด้านบน เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม (CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
น้ำมันแพง แต่ก็ต้องใช้รถ! เปิดวิธีประหยัดน้ำมัน ในยุคราคาน้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำได้ง่าย และได้ผลลดค่าใช้จ่ายได้จริง ด้วยระบบจัดการน้ำมันที่ดี