BLOGS

รวมวิธีประหยัดน้ำมัน ในยุคน้ำมันแพง ที่ใช้ได้จริง (2022)

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

ตั้งแต่เข้าปี 2022 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่าน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกระทบทุกคน เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนการขนส่ง ซึ่งอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้ว คาร์แทรค ผู้นำด้านระบบจัดการยานพาหนะเพื่อประหยัดน้ำมันเลยมี วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ทำได้จริง ไม่ยาก และได้ผลจริงมาฝาก

จะนำไปใช้บางข้อหรือทุกข้อ ก็รับรองว่าเห็นค่าน้ำมันลดลงแน่นอน

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อ “ราคาน้ำมัน”?

  1. ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น
  2. ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันผ่านกรรมวิธีในตลาดน้ำมันโลกสูงขึ้น
  3. ปัญหาทางการเมืองและสงคราม โดยเฉพาะสงครามที่มีคู่กรณีเป็นผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตน้ำมัน อย่างเช่นกรณีล่าสุด คือ สงครามยูเครน-รัสเซีย ที่รัสเซีย ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ลดการส่งออกน้ำมันและก๊าซ ซึ่งกระทบต่อประเทศที่พึ่งพิงการนำเข้าเชื้อเพลิงเป็นหลักอย่างไทย

7 วิธีประหยัดน้ำมัน ที่ทำได้ง่ายและได้ผลจริง

ขับรถด้วยความเร็วคงที่

การขับขี่ด้วยความเร็วที่คงที่ จะช่วยให้เครื่องยนต์ใช้เชื้อเพลิงในระดับเท่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้เราสามารถคาดคะเนค่าเฉลี่ยในการใช้น้ำมันได้ และเครื่องยนต์จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วการขับขี่บ่อยๆ

โดยปกติแล้ว ค่าความเร็วของการขับขี่ในเมืองที่เหมาะสมอยู่ที่ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยหรือขับขี่บนเส้นทางมอเตอร์เวย์

หากต้องการเปลี่ยนความเร็วระหว่างขับขี่จริงๆ แนะนำให้ค่อยๆ เปลี่ยน ดังนั้นเวลาขับขี่ควรมีการวางแผนล่วงหน้า ทั้งเส้นทางและสภาพการจราจร เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรปรับเปลี่ยนความเร็วตอนไหน

ไม่บรรทุกของหนักมาก

การบรรทุกของหนักรวมไปถึงการบรรทุกผู้โดยสารที่เยอะ ทำให้รถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่ากับต้องใช้แรงเครื่องยนต์มากขึ้น

การลดน้ำหนักของลด ด้วยการลดข้าวของที่อยู่ในรถ ช่วยลดการใช้น้ำมันได้ หรือแม้แต่การลดแรงต้านลมระหว่างขับขี่ ด้วยการไม่เปิดหน้าต่าง จนทำให้เกิดแรงต้านลมเวลาขับรถก็ช่วยได้เช่นกัน

ทั้งนี้โดยเฉลี่ยแล้ว การลดน้ำหนักบรรทุกและแรงต้าน จะช่วยให้รถคันหนึ่งประหยัดน้ำมันได้ถึง 0.4 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร นี่แค่เฉพาะ วิธีประหยัดน้ำมัน นี้วิธีเดียวนะ!

เช็คสภาพรถเป็นประจำ

หลักใหญ่ของสภาพรถที่คนใช้รถจะตรวจสอบได้ง่ายๆ คือ ลมยางรถ เพราะยางล้อรถที่พอดี จะช่วยลดการใช้น้ำมันไปได้มาก

ตั้งแต่ก่อนเติมน้ำมัน เราควรตรวจสภาพลมยางก่อน โดยค่าลมยางขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความเร็วในการขับขี่ประจำของเรา

ปัจจุบันยังมีค่าลมยางของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาด้วย สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ในอินเตอร์เน็ตหรือจากศูนย์รถที่ซื้อมาในตอนแรก

วิธีเติมยางลมรถควรเติมลมให้พอดี ไม่เติมน้อยไปหรือแน่นเกินไป และควรเติมลมยางรถตอนเพิ่งเริ่มใช้รถครั้งแรกของวัน เพราะจะเป็นช่วงที่ยางรถยังเย็น

หากเติมหลังจากขับรถมาแล้วทั้งวัน ค่ายางล้อรถอาจจะผิดพลาด ทำให้เติมลมผิดพลาดไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีผ้าเบรค น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ที่ควรเปลี่ยนใหม่หรือเติมตามระยะทางที่ขับขี่หรือระยะเวลาที่กำหนดไว้ด้วย

เปลี่ยนเกียร์รถตอนความเร็วขับขี่ที่เหมาะสม

อธิบายแบบง่ายคือ การเปลี่ยนเกียร์เวลาที่รถอยู่ในความเร็วที่ไม่เข้ากับเกียร์ที่เปลี่ยน จะส่งผลให้เครื่องยนต์กระตุกหรือกระชาก ซึ่งส่งผลให้มีการกินน้ำมันเยอะในจังหวะนี้

ใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์

ข้อนี้ส่วนมากทำได้กันอยู่แล้ว เพราะตอนซื้อรถ ผู้ใช้รถจะรับทราบกันอยู่แล้วว่าจะต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอะไร นอกจากนี้ประเภทของน้ำมัน ยังมีระบุชัดเจนอยู่ในข้อมูลการใช้รถอันดับแรกๆ

หากจำเป็นหรือต้องการเปลี่ยนประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคต ควรเลือกที่ยังเข้ากันกับเครื่องยนต์อยู่ ไม่เปลี่ยนไปใช้แบบที่ต่างไปจากเดิมสุดขั้ว

เช่น จากเบนซินไปใช้ดีเซล เพราะการเปลี่ยนสุดขั้วแบบนี้อาจถึงขั้นทำให้เครื่องยนต์รถเสียหายได้เลย

ขับรถเป็นระยะทางยาว

การใช้รถน้อยไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันเสมอไป หลายคนเข้าใจว่า การขับเป็นระยะทางสั้นๆ ช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ความเป็นจริงแล้ว การขับๆ ดับๆ เครื่อง ทำให้เราต้องสตาร์ทเครื่องใหม่บ่อยๆ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่กินน้ำมันมากๆ

หากจำเป็นต้องไปแวะจอดหลายจุด แนะนำให้สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ดีกว่าดับเครื่องไปเลย การสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้จะช่วยให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิทำงานที่เหมาะสมและเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่า

ใช้ระบบจัดการยานพาหนะเป็นตัวช่วย

สำหรับคนที่ดูแลรถหลายคัน เช่น รถบริษัท รถบรรทุกขนส่ง หรือรถในภาคอุตสาหกรรม เช่น รถติดเครื่องจักร หรือแม้แต่ผู้ใช้รถส่วนตัวที่ต้องการดูแลรักษารถให้ละเอียดและวัดคุณภาพการดูแลรักษาหรือใช้งานได้ การใช้ระบบจัดการยานพาหนะหรือ Fleet Management ก็เป็นตัวช่วยที่ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและมีประสิทธิภาพ

โดย Fleet Management เป็นระบบบริหารจัดการยานพาหนะ ที่จะติดตามและบันทึกข้อมูลการใช้ยานพาหนะ ซึ่งเป็นชุดข้อมูลที่ระบบเครื่องยนต์ไม่ได้บันทึกไว้หรือบันทึกไว้ไม่ละเอียดพอที่จะใช้คำนวณผลได้

ข้อมูลที่ได้จาก Fleet Management จะสามารถนำวิเคราะห์ผล เพื่อใช้ในการปรับปรุงการใช้ยานพาหนะต่อไปในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับขี่ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ระยะเวลาและลักษณะการใช้ยานพาหนะ ไปจนถึงการดูแลรักษาเครื่องยนต์

ทั้งนี้ ข้อมูลการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงใน Fleet Management จะแสดงให้เห็นการใช้งานที่ละเอียด เช่น ใช้น้ำมันมากสุดตอนไหน โดยรถคันไหน จอดแช่หรือเผาผลาญเชื้อเพลิงไปเสียเปล่าที่ตอนไหน หรือถูกขโมยน้ำมันหรือโกงบัตรเติมน้ำมัน ข้อมูลใน Fleet Management คือ หลักฐานยืนยันที่เชื่อถือได้และชัดเจนที่สุด

หากคุณสามารถควบคุมหรือตรวจสอบการใช้งานและระดับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ ก็จะช่วยควบคุมค่าน้ำมัน ลดจุดบอดการใช้งาน ซึ่งสำหรับภาคธุรกิจเท่ากับเป็นการลดต้นทุนได้มากมายมหาศาลในแต่ละปี เพราะสำหรับธุรกิจแล้ว ค่าขนส่ง คิดเป็นอย่างน้อย 60% ของต้นทุนทั้งหมดของธุรกิจ

คาร์แทรคเชื่อว่ายังมีวิธีประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอีกมากมายที่ผู้ใช้รถสามารถทำได้ แต่ 7 วิธีเด็ดๆ ที่เราเลือกมาแนะนำในบทความนี้ เราคัดมาเน้นๆ ว่าทำได้ง่ายและได้ผลลัพธ์ประหยัดเงินในกระเป๋าเพิ่มได้มาก ที่สำคัญยังช่วยปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้ดีขึ้นได้ในคราวเดียวกันด้วย

สนใจระบบ GPS ติดรถ พร้อม Fleet Management ที่ทันสมัยและทรงประสิทธิภาพที่สุด ใช้ได้กับรถทุกประเภทและรถธุรกิจกับรถส่วนบุคคล คลิกปุ่มด้านล่าง เพื่อฝากข้อมูลติดต่อไว้ให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ Cartrack ติดต่อกลับหาคุณ

น้ำมันแพง แต่ก็ต้องใช้รถ! เปิดวิธีประหยัดน้ำมัน ในยุคราคาน้ำมันแพงขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำได้ง่าย และได้ผลลดค่าใช้จ่ายได้จริง รู้แล้วต้องแชร์ต่อ