BLOGS

Latitude Longitude คืออะไร สำคัญอย่างไร?

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

ปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสาร เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 4G 5G และระบบการเชื่อมต่อที่ทันสมัยต่าง ๆ เป็นตัวกลางที่ทำให้คนเราเกิดไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ทั้งสามารถตอบโจทย์การเดินทางใกล้และไกลแบบ Backpack ได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น 

บทความคาร์แทรคตอนนี้เรามาดูกันว่า Latitude และ Longitude คืออะไร และเกี่ยวข้องกับการหาตำแหน่งอย่างไร สำหรับผู้ที่ใช้งาน Google Maps หรือระบบ GPS ติดตามรถ จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดของสิ่งเหล่านี้หรือไม่

บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:

  • รู้จัก ‘เส้นละติจูด’ และ ‘เส้นลองจิจูด’ กันก่อน
  • Latitude และ Longitude ใน Google Maps อ่านอย่างไร จำเป็นต้องใช้หรือไม่?
  • Latitude และ Longitude ถูกนำมาใช้งานในรูปแบบใดบ้าง?
  • GPS ติดตามรถ และระบบติดตามยานพาหนะ CARTRACK ใช้งานง่าย ตัวช่วยเพื่อธุรกิจมีรถ

รู้จัก ‘เส้นละติจูด’ และ ‘เส้นลองจิจูด’ กันก่อน

ในอดีตการเดินทางไปไหนมาไหน เช่น กรุงเทพไปเชียงใหม่ หากเราเป็นผู้ขับขี่รถเอง ก็ต้องอาศัยการเปิดแผนที่กระดาษและศึกษาอ่านค่าเส้นละติจูด (Latitude) ลองจิจูด (Longitude) ซึ่งเป็นศัพท์เทคนิคทางภูมิศาสตร์ ใช้เพื่อหาตำแหน่งหรือโลเคชั่น (Location) ตัวเองและปลายทาง เพื่อการหาเส้นทาง (Route) ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทาง 

และเพื่อเลี่ยงช่องทางที่มีอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ ตามสีในแผนที่ เช่น สีเขียวบนแผนที่ หมายถึงเป็นป่า สีน้ำตาล-เหลืองระดับต่าง ๆ คือความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเล เป็นต้น

ทว่าในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นข้อดีอย่างยิ่งของเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมการสืบค้นทิศทาง ด้วยการกำหนดค่าละติจูด (Latitude) และ ลองจิจูด (Longitude) ซึ่งคำทั้งสองนี้มีความหมายอย่างไร เรามาดูวิธีการอธิบายอย่างง่ายจากผู้รู้ หรือกูรูทางด้านภูมิศาสตร์กัน

เส้นละติจูด

เส้นละติจูด หรือ Latitude หมายถึง มุมที่วัดได้จากแนวเส้นขนานพื้น โดยกำหนดให้ค่าเส้นศูนย์สูตรโลกเป็นศูนย์ เช่น ขั้วโลกด้านหัวและท้ายของรูปลูกโลกที่เราเห็นจากแผนที่ภูมิศาสตร์ หากระบุเป็นเส้นละติจูดจะได้ว่า ขั้วโลกเหนือคือ ละติจูด 90 องศาเหนือ ส่วนขั้วโลกใต้คือ ละติจูด 90 องศาใต้ เป็นต้น

เส้นลองจิจูด

เส้นลองจิจูด หรือ Longitude เป็นเหมือนการผ่าแตงโมในแนวที่สับจากด้านบนลงล่าง โดยแนวแกนกลางของแตงโม ก็เหมือนกับเส้นแกนศูนย์ของลองจิจูด ทำให้เกิดการแบ่งโซนภูมิศาสตร์โลกเป็นทวีปต่าง ๆ

โดยมีการกำหนดเส้นเมริเดียนหรือ Meridian ที่ลากผ่านเมืองสำคัญของโลกที่ชื่อว่าเมืองกรีนิช (Greenwich) ซึ่งอยู่ในประเทศอังกฤษ ให้เป็นเส้นลองจิจูดหลัก คือจุดเริ่มต้นในการนับ หรือเรียกว่า เส้นกรีนิช หรือลองจิจูดศูนย์องศา 

การอ่านค่าเส้นลองจิจูดจึงนับไปเป็นแนวองศาตะวันตก หรือ องศาตะวันออก โดยจะอ้างอิงจากเส้น Meridian ที่สำคัญ ๆ นั่นเอง

เรียกได้ว่าเส้น Latitude และ Longitude คือรหัสลับทางภูมิศาสตร์ที่น่าค้นหา ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราสามารถหาพิกัดของตัวเอง และพิกัดทางภูมิศาสตร์ของสถานที่ได้ทุกแห่งในโลกเลยทีเดียว

Latitude และ Longitude ใน Google Maps อ่านอย่างไร จำเป็นต้องใช้หรือไม่?

ก่อนที่จะอ่านรหัสของ Latitude Longitude ได้นั้น จำเป็นต้องทราบหลักการในการอ่านค่า Latitude และ Longitude โดยการอ่านค่าจาก Google Maps สามารถใช้หลักการได้ดังนี้

  1. กำหนดให้ใช้ตัว d ในการแทนสัญลักษณ์คำว่า องศา ซึ่งเป็นการระบุพิกัดทางภูมิศาสตร์
  2. จะใช้จุดทศนิยม ไม่มีการใช้เครื่องหมาย “จุลภาค” ( , )
  3. จะใส่ค่าตัวเลขละติจูดเป็นลำดับที่ 1 ตามด้วยค่าตัวเลขลองจิจูดเป็นลำดับต่อมา
  4. สังเกตได้ว่า ค่าตัวเลขแรกสุด หรือ ซ้ายสุดของแกนคือ ลบ 90 องศา ส่วนขวาสุด คือ บวก 90 องศา สำหรับค่าละติจูด
  5. ส่วนค่าตัวเลขของลองจิจูด ค่าน้อยสุดคือ ลบ 180 องศา และสูงสุด คือ บวก 180 องศา

ขั้นต่อไป คือการลองหาพิกัดสถานที่ใด ๆ ใน Google Maps ดู โดยการคลิกขวาที่สถานที่ เช่น วัดพระแก้วฯ ก็จะเห็นพิกัดปรากฏขึ้นมาในทันที หรือหากเราได้รับรหัสมาว่า Latitude และ Longitude คือตัวเลขอะไรบ้าง ก็สามารถมาคีย์ในช่อง Search ใน “Google Maps” ได้เช่นกัน

เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมว่า ไม่เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจพิกัดทางภูมิศาสตร์ด้วยค่าละติจูดและลองจิจูด 

แม้จะมีข้อมูล Latitude และ Longitude ปรากฏในระบบของแผนที่ Google Maps รวมถึงระบบจัดการยานพาหนะและ GPS ติดตามรถที่เริ่มได้รับความนิยมในการใช้งานมากขึ้น แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนนี้ เนื่องจาก Google Maps มีการอัปเดตแผนที่เป็นประจำ และพัฒนาจนมีการระบุชื่อสถานที่ไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้วในระบบ แต่หากต้องการศึกษาไว้เป็นความรู้รอบตัวก็ไม่ว่ากัน

Latitude และ Longitude ถูกนำมาใช้งานในรูปแบบใดบ้าง?

การบอกพิกัด หรือการระบุตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับระบบ GPS ติดรถ รวมถึง GPS อื่น ๆ เพื่อให้ได้ความแม่นยำ และทำให้เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ซึ่งใครก็สามารถใช้งานและทำความเข้าใจได้ไม่ยาก และยังจำเป็นต่อการประกอบอาชีพหรือการทำงานบางอย่างด้วย

ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องภูมิศาสตร์ จึงจะใช้ประโยชน์จากการอ่านข้อมูลพิกัดละติจูด ลองจิจูดได้ แม้ที่จริงแล้วข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องศึกษาให้ถ่องแท้สำหรับผู้ที่มีหน้าที่หรืออาชีพเฉพาะทางบางอย่าง ได้แก่

นักบิน

นักบินจำเป็นต้องศึกษาพิกัดในการเดินทางบนน่านฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีเลนถนน ไม่มีป้ายจราจรอย่างบนพื้นดิน การอ่านค่าทางภูมิศาสตร์ได้จึงเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับอาชีพนี้

อาชีพ ATC หรืองานควบคุมการจราจรทางอากาศ

งานควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นอีกอาชีพที่ทำหน้าที่ประสานเส้นทางการบิน คล้ายเจ้าหน้าที่จราจรบนภาคพื้นดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินชนิดต่าง ๆ ที่แล่นด้วยความเร็วต่างกัน มาจากทิศทางต่างกัน เกิดการปะทะชนกันได้

นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับพัฒนาระบบควบคุมการจราจรทางอากาศ

สำหรับนักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในสาขานี้เป็นอาชีพที่นอกจากต้องมีพื้นฐานในการเป็น Computer Programmer แล้ว ยังต้องมีความรู้เพิ่มเติมในส่วนของภูมิศาสตร์จึงจะสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ มาตอบโจทย์การจัดสรรเส้นทางจราจรทางอากาศให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

นักเดินทางแนวธรรมชาติ

นักเดินทางแนวธรรมชาติ เช่น นักไต่เขา-ปีนหน้าผา นักสำรวจภายในถ้ำ นักสำรวจใต้ผืนน้ำ เช่น ทะเล มหาสมุทร ฯลฯ จำเป็นต้องใช้เข็มทิศในการอ่านพิกัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและต้องปฏิบัติภารกิจการงานให้สำเร็จด้วย

นักพยากรณ์อากาศ

ผู้ที่ทำงานด้านอุตุนิยมวิทยาเป็นงานที่ต้องมีความเข้าใจเรื่องพิกัด Latitude Longitude เป็นอย่างดี และต้องสามารถคาดการณ์ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชนทั่วโลก ซึ่งสำคัญต่อการป้องกันอุบัติภัย เช่น ลมทะเลแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง เป็นต้น

รวมถึงที่สำคัญมาก ๆ อย่างสภาพอากาศที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์สึนามิมีที่จุดใดบ้าง หากสามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำล่วงหน้าเป็นเวลานานขึ้น ก็จะทำให้ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนได้เป็นอย่างมาก

GPS ติดตามรถ และระบบติดตามยานพาหนะ CARTRACK ใช้งานง่าย ตัวช่วยเพื่อธุรกิจมีรถ

การมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องพิกัด Latitude และ Longitude สำหรับคนทั่วไป ส่วนใหญ่เพื่อการค้นหาเส้นทาง การหาตำแหน่งของปลายทาง เพื่อการบริหารจัดการวางแผนเรื่องการเดินทาง เช่น การตั้งงบประมาณค่าน้ำมันเชื้อเพลิงหรือค่าแก๊สธรรมชาติที่ต้องใช้สำหรับเครื่องยนต์ในการเดินทาง หรือ คำนวณเวลาเพื่อการจัดตารางเวลานัดหมายต่าง ๆ อย่างเป็นแบบแผน เป็นต้น

แต่ทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น สามารถติดตามได้ง่ายขึ้นแล้ว โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องจดจำวิธีการอ่านค่าละติจูดและลองจิจูดที่น่าปวดหัวนี้ ด้วยระบบติดตามยานพาหนะและจัดการยานพาหนะ CARTRACK มาพร้อมอุปกรณ์ GPS Vehicle Tracker หรือกล่องจีพีเอสสำหรับติดตามตำแหน่งของรถ และบันทึกข้อมูลการใช้งานรถ ไปจนถึงการขับขี่ได้อย่างละเอียด

เจ้าของรถไม่จำเป็นต้องอยู่กับรถ แต่ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้รถได้ตลอด 24 ชั่วโมงและใช้เพียงสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวก็ได้ 

สำหรับรถใช้งานในธุรกิจ สนใจจะติดตั้งกล้องติดรถหรือเซนเซอร์น้ำมันเพิ่มเติมก็สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรถ ควบคุมต้นทุนที่ไหลออกจากกระเป๋าไปแบบไม่รู้ตัวได้ทุกบาททุกสตางค์

หากสนใจติดตั้ง GPS ติดรถ สามารถโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงที่ 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น. หรือคลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถยนต์ GPS ติดรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: Cartrack Thailand

Instagram: @cartrack.thailand‍

LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที

Latitude Longitude คืออะไร และสำคัญอย่างไร หากใช้งาน Google Maps หรือระบบ GPS ติดตามรถ จำเป็นต้องรู้จักข้อมูลเหล่านี้หรือไม่