พื้นฐานการขับขี่รถยนต์โดยทั่วไปของทุก ๆ คนจำเป็นต้องเคารพพร้อมปฏิบัติตามกฎจราจรเหมือนกันหมด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่อยู่บนท้องถนน ซึ่งกฎจราจรหนึ่งที่หลายคนอาจลืมเลือนหรือไม่ได้สนใจจะทำตามมากนักคือการ คาดเข็มขัดนิรภัย ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังมาก ๆ เพราะมันหมายถึงความปลอดภัยของทุก ๆ คนที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าว เราไม่มีทางรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นตอนไหนแต่ถ้ามีการคาดเข็มขัดเอาไว้ก่อนอย่างน้อยที่สุดจากหนักยังพอทุเลาให้กลายเป็นเบาได้
ก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยมารู้จักเข็มขัดนิรภัยให้มากขึ้นก่อนดีกว่า
เข็มขัดนิรภัยคืออุปกรณ์ชนิดอื่นที่ติดมากับรถยนต์ทุกคัน หัวใจสำคัญของมันคือการช่วยลดความรุนแรงให้กับทุก ๆ คนที่โดยสารอยู่บนรถในยามที่เกิดอันตรายหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ ทุกวันนี้ถือเป็นอุปกรณ์ที่ถูกบังคับว่ารถยนต์ทุกคันต้องมีการติดตั้งมาจากโรงงานผู้ผลิต โดยเวลาที่เราคาดเข็มขัดนิรภัยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นคือ
- เข็มขัดนิรภัยแบบสองจุด หรือ lap belt เมื่อมีการคาดผู้คาดจะถูกรัดช่วงโคนขา สะโพกทั้งหมด เรามักพบเห็นเข็มขัดนิรภัยแบบนี้บนเครื่องบินส่วนใหญ่ ขณะที่ภายในรถยนต์จะมีการติดตั้งเอาไว้บริเวณเบาะด้านหลัง สิ่งสำคัญคือเวลาคาดอย่าเอาไปรัดตรงหน้าท้องเด็ดขาด
- เข็มขัดนิรภัยแบบสามจุด หรือ lap shoulder belt เมื่อมีการคาดผู้คาดจะถูกรัดในช่วงหัวไหล่ไปจนถึงสะโพกรวมถึงช่วงต้นขา ตัวสายเข็มขัดมีการผ่านเฉียงทางหน้าอกกับตรงกระดูกไหปลาร้า
การคาดเข็มขัดนิรภัยในแบบที่ปลอดภัยที่สุด
คราวนี้ก็มาว่ากันถึงเรื่องวิธีคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ไม่ใช่ว่าการคาดเข็มขัดแล้วจะปลอดภัยได้เท่ากันหากไม่รู้วิธีการคาดอย่างถูกหลักก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่างกับคนไม่คาดด้วยซ้ำ โดยวิธีคาดอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดต้องทำตามแบบที่จะระบุเอาไว้ดังต่อไปนี้
- เลือกปรับพนักพิงตรงหลังให้เป็นแนวตั้ง ไม่มีการเอนมากเกินไป เมื่อทำการคาดเข็มขัดตรงช่วงล่างต้องแนบไปกับกระดูกเชิงกราน เนื่องจากหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาจริง ๆ กระดูกเชิงกรานสามารถรับแรงกระแทกได้สูงถึง 1,000 กก. อีกทั้งการคาดเพื่อความปลอดภัยควรคาดให้ต่ำกว่าการใส่เข็มขัดปกติ 5 – 10 ซม. ขณะที่ด้านบนเส้นเข็มขัดเองต้องพาดจากกระดูกไหปลาร้าไปถึงอีกฝั่ง
- สำหรับสตรีมีครรภ์เวลาคาดต้องทำท่านั่งคล้าย ๆ กับการขับรถ พนักพิงปรับให้ตั้งตรงกำลังดีไม่เอนไปข้างหลังหรือตั้งจนหลังตรงเกินไป ปรับระยะห่างจากเบาะที่นั่งให้พอดีอย่าชิดเกินเนื่องจากเวลาเกิดแรงกระแทกครรภ์มีโอกาสไปโดนคอนโซลได้ ตอนคาดให้คาดเข็มขัดผ่านบริเวณหน้าตักมาจนถึงใต้ครรภ์ โดยพยายามปรับให้ตัวเข็มขัดอยู่บริเวณสะโพก ด้านสายที่พาดกับร่องไหล่พยายามขยับสายให้ไปทางด้านหน้ามากกว่าปกติอย่าให้สายพาดผ่านตรงกลางของครรภ์
- การคาดเข็มขัดสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ จริง ๆ แล้วหากมีที่นั่งสำหรับเด็กหรือคาร์ซิทก็ควรใช้งาน แต่ถ้าไม่มีให้เด็กนั่งเบาหลัง ดึงเข็มขัดออกมารัดให้แนบตัวของเด็กจนมั่นใจว่าแน่นแน่ ๆ
- เด็กอายุ 7 – 12 ปี ควรเลือกให้เด็กนั่งบนเบาะเสริมเนื่องจากเวลาคาดเข็มขัดแล้วตัวสายจะพาดบริเวณร่องไหล่พอดี แต่ถ้านั่งเบาะปกติมันอาจพาดผ่านใบหน้าได้
แม้นั่งข้างหลังก็ควรคาดเข็มขัดนิรภัย
หลายคนชอบคิดว่าการนั่งเบาะหลังไม่เห็นจำเป็นต้องคาดเข็มขัดนิรภัยให้มันวุ่นวายเลย แต่ที่จริงการคาดเอาไว้จะช่วยผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาได้อย่างมากยามเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากคนนั่งหลังไม่ยอมคาดเข็มขัดอย่างถูกต้อง
- โอกาสบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิตมีมากกว่าคนที่รัดเข็มขัด
- ด้วยแรงเหวี่ยงของรถอาจทำให้ตัวกระเด็นไปกระแทกส่วนต่าง ๆ เช่น หลังคา, กระจก ร้ายแรงกว่านั้นอาจกระเด็นตกรถไปเลยก็ได้
- พุ่งกระแทกเข้ากับเบาะหน้าอย่างแน่นอนกรณีที่มีการเบรกอย่างรุนแรง
กฎหมายเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัย
- กรณีรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถแท็กซี่สาธารณะ หากคนที่นั่งด้านหลังไม่ทำการคาดเข็มขัดนิรภัย สามารถโดนจับปรับได้ตั้งแต่ 100 บาท แต่ไม่เกิน 500 บาท
- รถทัวร์ รถตู้โดยสารสาธารณะ รถสำหรับบรรทุกสินค้า หากคนนั่งตอนท้ายไม่ทำการคาดเข็มขัดจะถูกปรับไม่เกิน 5,000 บาท กรณีนี้ทางผู้โดยสารต้องทำการเสียเงินค่าปรับด้วยตนเอง คนขับไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใด ๆ อีกทั้งผู้ขับมีหน้าที่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดกับผู้โดยสารด้วยไม่ว่าจะเป็นการพูดทางวาจาหรือการติดป้ายเตือน
การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนไม่ว่าใครต่างก็ต้องการความปลอดภัยด้วยกันทั้งสิ้น กระนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุมันคือสิ่งที่ย่อมไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ดังนั้นหากเราสามารถป้องกันตนเองเบื้องต้นได้ก่อนด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัย ก็จะทำให้เกิดความอุ่นใจและความสบายใจทั้งคนที่ขับขี่และคนที่โดยสารอยู่บนรถ
