การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อสัญจรในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการใช้รถในธุรกิจในประเทศไทย เพื่อบรรทุกของไปขนส่งตามจุดต่าง ๆ ล้วนมีอัตราที่พุ่งสูงขึ้น โดยรูปแบบการใช้รถทั้ง 2 แบบนี้มีจุดร่วมสำคัญที่คนขับรถ คือ ใบขับขี่ และความรู้ในเรื่องกฎจราจรนั่นเอง
บทความคาร์แทรคตอนนี้จึงจะมาเล่าถึงกฎหมายจราจร 12 ข้อ ซึ่งเป็นความรู้เบื้องต้นที่ผู้เตรียมสอบใบขับขี่ควรจะทราบก่อนไปสอบ หรือหากใครที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่อยากจะมาทบทวนความรู้ก็ไม่ว่ากัน ลองมาติดตามไปพร้อมกับ CARTRACK ผู้ให้บริการ GPS ติดตามรถคุณภาพกัน
โดยกฎหมายจราจรพื้นฐานที่ควรรู้ (อ้างอิงจาก พรบ. การจราจรทางบก ปี 2522) ก่อนสอบใบขับขี่มีดังนี้
เมื่อเราเจอสัญญาณไฟจราจรสีแดงกะพริบอยู่ ควรต้องจอดรถและหยุดหลังเส้นให้หยุดรถ หรือหลังแถบเส้นที่ลงสีไว้บนพื้นถนน เพื่อไม่ให้รถเราขวางต่อการเคลื่อนตัวของรถยนต์ในทิศทางอื่น
เมื่อสัญญาณไฟสีเหลืองกะพริบ ผู้ขับขี่ต้องแตะเบรกชะลอความเร็วของตัวรถลงและค่อย ๆ เคลื่อนรถผ่านบริเวณนั้นด้วยความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่า เพราะมักเป็นจุดเสี่ยง เช่น เป็นย่านโรงเรียน หรือโรงพยาบาล ที่มีคนพลุกพล่านไปมา และมีเด็กเล็กที่ไม่ทันระวังรถจำนวนมากบริเวณนั้น
เมื่อเห็นเครื่องหมายหยุด คนขับรถควรต้องหยุดรถในทันที และให้ผู้ที่เดินสัญจรได้เดินผ่านหน้ารถไปก่อน เมื่อมองซ้ายและขวาแล้วพบว่าไม่เห็นคนที่จะเดินมาอีก และไม่ขัดต่อสัญญาณไฟจราจร ก็สามารถเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปต่อ แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเช่นกัน
เมื่อเห็นป้ายสัญลักษณ์จราจร “ให้ทาง” หมายถึง ผู้ขับขี่ต้องให้ทางแก่รถคันอื่น ๆ และให้ผู้ที่เดินทางสัญจรไปมาได้เดินผ่านไปก่อน จนเมื่อเห็นว่าปลอดคน และไม่มีรถเคลื่อนผ่านแล้ว ก็ค่อยเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปต่อได้
กฎหมายจราจรระบุว่า หากเห็นป้ายเครื่องหมายเตือนสีน้ำเงินลูกศรชี้ลงด้านซ้าย พร้อมคำว่า “ให้ชิดซ้าย” แปลว่า ให้เปลี่ยนเลน เข้าช่องจราจรซ้ายสุด
หากเห็นเครื่องหมายลูกศรเรียงตัวกันเป็นวงกลม บนป้ายพื้นสีน้ำเงิน พร้อมคำว่า “วงเวียน” หมายถึง คนขับรถต้องคอยให้รถในวงเวียนเคลื่อนตัวผ่านไปก่อน จึงจะสามารถขับต่อไปได้ โดยหลักการขับรถผ่านวงเวียน คือ รถจะเคลื่อนตามเข็มนาฬิกาหรือวนไปทางซ้ายนั่นเอง
หากเห็นป้ายลูกศรที่ช่วงแรกมีทิศขึ้นแล้ว แต่โค้งวกกลับหัวลูกศรลง พร้อมกับวงกลมมีขีดฆ่าด้านใน พร้อมกับคำว่า “กลับรถ” แปลว่าห้ามใช้จุดที่ติดตั้งป้ายนี้กลับรถทุกกรณี เพราะอาจเป็นจุดเสี่ยงต่ออุบัติภัยสูง แม้จะไม่มีเครื่องขวางกั้น เช่น แบริเออร์จราจร ก็ตาม
สำหรับอุปกรณ์ของรถยนต์ที่กฎหมายจราจรระบุไว้ ได้แก่ รถยนต์ต้องใช้แตรที่ให้เสียงดังในระยะ 60 เมตรขึ้นไป ทั้งนี้ ต้องสังเกตป้ายเตือนงดใช้เสียงในพื้นที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล เพราะเป็นการรบกวนต่อการรักษาผู้ป่วยได้
กฎหมายจราจรระบุว่า ห้ามรถที่ไม่ผ่านการต่ออายุเสียภาษีรถมาขับขี่บนท้องถนนโดยเด็ดขาด ซึ่งเรื่องการต่ออายุภาษีรถนั้น ผู้ขับขี่จำเป็นต้องรับผิดชอบชำระเป็นประจำทุกปี ดังนั้นผู้ที่นิยมการโอนลอย จึงจำเป็นที่ผู้ซื้อและผู้ขาย ต้องตรวจสอบตรงจุดนี้ให้ดี เพื่อไม่ให้มีปัญหาประวัติค้างจ่ายภาษี
สำหรับรถที่ใช้งานส่วนบุคคลหรือรถที่ใช้งานในธุรกิจ สามารถติดตั้งอุปกรณ์ GPS Tracking เพื่อใช้แจ้งเตือนต่อภาษีรถประจำปีได้ โดยเฉพาะรถที่ใช้งานในธุรกิจ ซึ่งมีจำนวนหลายคัน อาจดูแลไม่ได้ทั่วถึง การใช้ระบบจัดการยานพาหนะหรือ GPS ติดตามรถ จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้คุณได้
ห้ามใช้ป้ายทะเบียนที่ทำขึ้นเอง ข้อนี้เป็นหนึ่งกฎหมายจราจรที่พบว่ามีผู้ฝ่าฝืนมากในปัจจุบัน มีการปลอมเลขหรือสวมทะเบียนปลอมมากมายดังที่เป็นข่าว ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก เพราะทำให้ติดตามตัวผู้กระทำความผิดเวลาเกิดอุบัติเหตุได้ยาก
ตัวอย่างเช่น การฝ่าสัญญาณไฟแดง ที่จะมีการบันทึกป้ายทะเบียนจากกล้องทางการฯ จับภาพทางหน้ารถ ทำให้เกิดเป็นข้อโต้แย้งและการตรวจสอบที่ตามมาจนพบว่า เกิดจากปัญหาการใช้ป้ายทะเบียนที่ไม่ถูกต้องมากมาย
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้แจ้งเตือนภัยผู้ที่จะซื้อรถมือสองว่า ไม่ควรซื้อแบบโอนลอย เพราะจะเกิดปัญหาการหลุดรอดการตรวจสอบนี้ได้
การฝ่าฝืนกฎหมายจราจร มีโทษปรับในอัตราที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น
กฎหมายจราจรเรื่องการฝ่าสัญญาณไฟแดงถือเป็นอีกข้อที่สำคัญอย่างมาก มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ การไม่หยุดรถหลังเส้นเมื่อมีสัญญาณไฟแดง หรือป้ายให้หยุดรถ ก็ปรับในอัตราเดียวกัน
ส่วนคนที่สัญจรไปมาก็เช่นกัน กฎหมายจราจรก็กำหนดโทษสำหรับผู้ที่ไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลาย โดยที่ทางข้ามอยู่ภายในระยะ 100 เมตร ว่าต้องโทษปรับไม่เกิน 200 บาท เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า กฎหมายจราจรมีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยในการใช้ท้องถนนร่วมกัน และยังสร้างความปลอดภัยต่อผู้ที่เดินสัญจร เช่น การข้ามถนนทางม้าลายด้วย
ทั้งนี้กฎหมายจราจรได้มีการระบุเรื่องโทษและค่าปรับจากการฝ่าฝืนไว้เสมอ เพื่อเป็นการลงโทษผู้ที่กระทำฝ่าฝืนกฎต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนใส่ใจในการดูแลสภาพรถ และหมั่นทบทวนกฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้อง เพื่อการทำความเข้าใจและสามารถวางแผนการขับรถได้ถูกต้องและเหมาะสม
บริษัท GPS ที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง CARTRACK ให้บริการ GPS ติดตามรถแบบเรียลไทม์ สำหรับติดตั้งใช้งานกับรถบรรทุก รถยนต์ รถเช่า หรือรถที่ใช้งานในธุรกิจมีรถทุกประเภท มีให้บริการทั้งแบบรายเดือนและรายปี ติดตามข้อมูลการใช้งานรถได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านสมาร์ทโฟน คนเดียวก็ดูแลได้ ไม่ว่าจะมีรถในความดูแลสิบคันหรือร้อยคัน
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพื่อใช้งานร่วมกับ GPS ติดตามรถได้ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน กล้องติดรถ เซนเซอร์ประตูสินค้า เครื่องรูดใบขับขี่ DLT ฯลฯ
สนใจสอบถามราคา GPS หรือรายละเอียดการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ กับเจ้าหน้าที่ CARTRACK โดยตรง คลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือโทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
รวมกฎหมายจราจร 12 ข้อพื้นฐานที่ต้องรู้ ก่อนไปสอบใบขับขี่ พร้อมแนะนำ GPS ติดตามรถ เคล็ดลับดูแลและอบรมคนขับรถ สำหรับธุรกิจมีรถ ให้ขับขี่ปลอดภัย ลดค่าปรับได้