เรื่องกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และไม่กี่ปีก่อน ทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้กำหนดกฎหมายเกี่ยวกับ GPS ติดรถบรรทุก ให้รถบรรทุกทุกคันต้องติดตั้ง GPS กรมการขนส่งทางบกให้การรับรอง เพื่อให้ส่งข้อมูลการใช้รถ ชั่วโมงการทำงานของคนขับรถ ฯลฯ
บทความคาร์แทรคตอนนี้จะบอกเล่าเรื่องของกฎหมาย GPS ว่ามีข้อไหนที่ต้องทราบอีกบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามและเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาภายหลัง
ปัจจุบันกรมการขนส่งเองได้มีการยกระดับมาตรฐานเพื่อต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน ซึ่งการสร้างความปลอดภัยดังกล่าวนี้ได้มีการนำเอา GPS เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน รวมไปถึงผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะก็ต้องได้รับความปลอดภัยจากสิ่งนี้เช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้กรมการขนส่งทางบกจึงได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขการกระทำผิด กฎหมาย GPS ติดตามรถแล้วระบุมาตราโทษที่เหมาะสม ซึ่งมีข้อน่าสนใจ ดังนี้
หากมีการขับรถด้วยอัตราความเร็วเกินกำหนดต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 นาที จะถือว่ารถคันนั้นมีความผิดตามมาตรา 111 พรบ. กรมขนส่งทางบก พร้อมด้วยมาตรา 67 พรบ. จราจรทางบกฯ โดยมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท รถที่ต้องเข้าข่ายประกอบไปด้วย รถบรรทุก กำหนดความเร็วที่ 80 กม. / ชม. รถลากจูง กำหนดความเร็วที่ 60 กม. / ชม. และรถโดยสารประจำทาง กำหนดความเร็วที่ 80 กม. / ชม.
หากมีการขับรถเกินระยะเวลากำหนดในรอบ 24 ชม. โดยการกำหนดขับดังกล่าวนั้นต้องขับได้ติดต่อกันไม่เกินครั้ง 4 ชม. มีการหยุดพักขั้นต่ำ 30 นาที แล้วจึงสามารถขับรถต่อไปได้อีก 4 ชม. หากการหยุดพักไม่ถึง 30 นาที จะไม่ถือว่าเป็นการหยุดพัก
เมื่อไหร่ก็ตามที่ขับเกินจากกฎหมายกำหนดจะมีความผิดตามมาตรา 117 พรบ. กรมขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรืออาจจะมีการสั่งพักใบอนุญาตได้เกินจำนวน 180 วัน
หากมีการขับรถโดยไม่ได้แสดงตัวผู้ขับ หรือมีการใช้งานใบอนุญาตรถผิดประเภท มีการฝ่าฝืน ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 109 กรณีตัวพนักงานขับรถ หากไม่มีการแสดงตัวตน ผู้ตรวจการก็มีอำนาจในการสั่งเพื่อให้มารายงานตัว หรือบางรายอาจทำการพักใบอนุญาตไม่เกิน 180 วัน
อีกกรณีคือผู้ได้รับใบอนุญาตในการขับรถ แต่ได้ทำการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวระหว่างที่ยังโดนทำการยึดใบอนุญาตขับรถ
หากว่ากันตามกฎหมายจราจรทางบกมีการระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับขึ้นอยู่กับเรื่องของเงื่อนไขในการกระทำผิดนั้น ๆ ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งหากไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขประกอบการขนส่ง มีโทษในการปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท
กรณีมีการปลดหรือถอดตัวเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถออกไป ต้องถือว่าเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถนั้นเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของรถที่จำเป็นต้องมีและจำเป็นต้องใช้
กรณีพบว่ามีการถอดเครื่องดังกล่าวออกไปจริง ถ้าเป็นตอนตรวจสภาพรถประจำปีจะถือว่าไม่ให้ผ่านการตรวจสภาพรถ แต่ถ้าหากตรวจพบเจอระหว่างขับไปบนท้องถนนจะมีความผิดตามมาตรา 148 โดยมีโทษในการปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
นี่ถือเป็น กฎหมาย GPS เบื้องต้นที่คนใช้รถเหล่านี้ทุกคนจำเป็นต้องรู้ หัวใจสำคัญที่ต้องมีกฎหมายดังกล่าวขึ้นมา อย่างที่บอกไปคือเป็นการเน้นความปลอดภัยในเรื่องของการขับขี่ ความปลอดภัยที่ว่าไม่ใช่ความปลอดภัยของรถคันดังกล่าวเพียงคันเดียว แต่ยังต้องรวมถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันด้วย
อย่าลืมว่าความประมาทคือหนทางที่นำไปสู่หายนะได้เสมอ และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนจำนวนมาก สาเหตุหลักล้วนมาจากเรื่องความประมาท ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
คนขับรถหลายคนที่มีความคิดว่าทำไมต้องติด GPS อะไรให้มันวุ่นวาย ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากรมการขนส่งทางบกออกกฎหมายนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่รถบรรทุก เนื่องจากธุรกิจขนส่งเหล่านี้มักมีจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ต่อเนื่อง หากไม่มีกฎหมายมาครอบ ก็อาจทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอของคนขับได้
โดยรูปแบบของรถบรรทุกที่กรมการขนส่งบังคับให้ติดตั้ง GPS เพื่อส่งข้อมูลการใช้ความเร็วรถ และข้อมูลการใช้งานรถ มีดังนี้
รถที่ใช้ในธุรกิจเหล่านี้ควรติดตั้ง GPS ที่กรมการขนส่งให้การรับรอง เพื่อให้ข้อมูลที่บันทึกได้จากกล่อง GPS ส่งเข้าระบบอัตโนมัติ ช่วยให้เกิดความสะดวกและไม่มีการตกหล่นของข้อมูลนั่นเอง
การมีกฎหมายต่าง ๆ ออกมารองรับเกี่ยวกับเรื่องของการขับรถยนต์โดยเฉพาะบรรดารถบรรทุก รถลากจูง และรถโดยสารประจำทาง ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการให้ผู้ขับขี่ทุกท่านปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะการใช้รถใช้ถนนนั้น ไม่ควรคำนึงถึงความสะดวกสบายของตนเองเป็นหลักเท่านั้น แต่ควรนึกถึงผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกับเราด้วย
บอกเลยว่า กฎหมาย GPS ที่ระบุเอาไว้ทั้งหมดนี้หากพบเจอว่ารถคันไหนไม่ปฏิบัติตามมีการจับปรับของจริงไม่มีเว้นแม้แต่คันเดียว จะต่อรองอย่างไรก็ไม่เป็นผลเพราะได้มีกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรออกมายืนยันเรื่องกฎหมายดังกล่าว
นับเป็นเรื่องดีที่จะช่วยลดอุบัติเหตุในบ้านเราให้น้อยลง ช่วยสร้างถนนที่ปลอดภัยจากการขับขี่ หรือถ้าหากมันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริงอย่างน้อยเราจะได้มีวิธีในการติดตามรถที่สร้างปัญหาแล้วยังไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน
หากเจ้าของธุรกิจขนส่งหรือเจ้าของรถบรรทุก 10 ล้อ สนใจติดตั้ง GPS ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก CARTRACK เราเป็นบริษัท GPS ในไทย ให้บริการระบบจีพีเอสติดตามรถคุณภาพสูง
พร้อมอุปกรณ์เครื่องรูดใบขับขี่ มีสอนการใช้งานระบบจัดการยานพาหนะ ไม่ว่าจะมีรถอยู่ในความดูแลสิบคันหรือร้อยคัน ก็ดูแลง่าย ติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน จะดูผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ก็ได้
หากต้องการสอบถามข้อมูลบริการระบบติดตามคนขับ กล้องติดรถ และ GPS ติดรถบรรทุก กับเจ้าหน้าที่ CARTRACK โดยตรง คลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือโทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถขนส่ง GPS รถบรรทุกขนส่ง จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
เรื่อง GPS มีการออกมาเป็นกฎหมายเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตาม รู้จัก กฎหมาย GPS กรมการขนส่งทางบก ที่ธุรกิจมีรถบรรทุกต้องรู้ เพื่อไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง