การเติมยางรถยนต์ให้ถูกหลักเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ Save เซฟเงินในกระเป๋าคุณได้ จากการที่ยางไม่เสื่อมสภาพเร็วก่อนกำหนด ยังช่วย Safe เซฟความปลอดภัยระหว่างการใช้งานรถยนต์อีกด้วย
บทความตอนนี้จากคาร์แทรค (CARTRACK) ผู้ให้บริการรับติดตั้งและจัดจำหน่าย GPS ติดตามรถยนต์ จะมาให้ความรู้เรื่องวิธีการเติมลมยางที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณทั้ง Save และ Safe ไปพร้อม ๆ กัน
บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:
ต้องคำนึงถึงสเปกของรถยนต์เสมอ
เทคนิคการเติมลมยางที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัย มีอะไรบ้าง
GPS ติดตามรถยนต์ และระบบจัดการยานพาหนะ CARTRAK ดูแลความปลอดภัยและยืดอายุใช้งานรถ
ต้องคำนึงถึงสเปกของรถยนต์เสมอ
เนื่องจากมีข้อกำหนดในการเติมลมยางรถยนต์ไม่เท่ากันในรถยนต์แต่ละประเภทและยี่ห้อ ดังที่ระบุในคู่มือประจำรถ หรืออาจใช้วิธีสังเกตง่าย ๆ จากข้อความบนโลหะตรงขอบประตูก็ได้ ทั้งนี้มีหลักการง่าย ๆ ว่ารถของคุณเป็นรถประเภทไหน
- รถยนต์ทั่วไปสี่ล้อขนาดเล็ก ควรเติมลมยางในช่วง 25 ถึง 30 ปอนด์ (หน่วยเต็ม ๆ คือ ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
- รถยนต์สี่ล้อขนาดใหญ่ เช่น รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ควรเติมลมยางในช่วง 30 ถึง 35 ปอนด์
- รถกระบะสำหรับขนส่งสินค้าต่าง ๆ ควรเติมลมยางให้มากกว่ารถยนต์ในข้อ 2 แต่ไม่เกิน 65 ปอนด์
เทคนิคการเติมลมยางที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัย มีอะไรบ้าง
นอกจากจะดูเรื่องสเปกรถยนต์แล้ว ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่สามารถประยุกต์กับการเติมลมยางเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งด้านศักยภาพการขับขี่และด้านต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
- ควรการเติมลมยางรถยนต์ให้เท่ากันหมดทั้งสี่ล้อ เพื่อลดความเสี่ยงที่ยางจะสึกหรอไม่เท่ากัน อันทำให้เกิดการไม่สมดุลในการรับน้ำหนัก และทำให้การควบคุมรถยนต์ทำได้ยากกว่าที่ควร
- หลังการเติมลมยาง ควรดูลักษณะการบวมของยางด้วยตาเปล่าอีกครั้ง หากด้านหน้ายาง ส่วนดอกยางและร่องยางที่สัมผัสกับพื้นมีความนูนออกมาจากพื้นมาก จะเสี่ยงต่อการเกิดยางระเบิดเนื่องจากมีการสึกหรอส่วนกลางของยางมากกว่าปกติ
- หากต้องมีการบรรทุกคนงานหรือสิ่งของจำนวนมากเพื่อการทำธุรกิจ เช่น ผัก ผลไม้ กระถาง ต้นไม้ ฯลฯ เพื่อการค้าขาย ควรเติมลมยางให้เพิ่มขึ้นข้างละ 2 ถึง 3 ปอนด์ ป้องกันลมยางอ่อนเกินไป แล้วทำให้เกิดการกินหน้ายางด้านข้าง และเสี่ยงต่อการเกิดรอยที่ยางแล้วทำให้ยางรั่วแตกได้ง่าย
- การเติมลมยางรถยนต์ตามที่คู่มือระบุจะช่วยให้ยางรถไม่แข็งเกินไป ช่วยให้หน้ายางสามารถยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดีขึ้น จึงปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น
- ในช่วงที่มีฝนตกบ่อย ๆ ควรปรับลมยางให้มีความอ่อนลงเล็กน้อย 2 ถึง 3 ปอนด์ เพื่อให้หน้ายางสามารถมีพื้นที่ผิวระหว่างดอกยาง ร่องยางกับพื้นถนนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การรีดน้ำจากหน้ายางสมบูรณ์แบบขึ้น ลดอุบัติภัยจากการลื่นไถลชนรถคันอื่น หรือตกถนนได้
แนะเทคนิค ควรทำอย่างไรจึงจะทำช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์คุณ
- ควรเลือกช่วงเวลาในการเติมลมยางรถยนต์ที่เหมาะสม นั่นคือ ช่วงเวลาตอนเช้าก่อนออกเดินทาง เพื่อไม่ให้ภายในเนื้อยางมีความร้อนหรือขยายตัวมากเกินไป จนทำให้เกิดการอัดอากาศเข้ายางมากเกินกว่าที่ควรจะเติม
- เลือกใช้ยางชนิดที่เหมาะสมกับการใช้งาน การใช้ยางเรเดียล ซึ่งเป็นยางที่มีการเสริมความแข็งแรงด้วยใยเหล็ก แม้จะยึดเกาะถนนได้ดี แต่ก็ต้องเติมลมยางมากกว่า (ค่าใช้จ่ายสะสมสูงกว่า) ยางแบบดั้งเดิม (เป็นยางที่ใช้ผ้าใบซ้อนทับกัน เหมาะกับวิ่งรถด้วยความเร็วต่ำ ให้ความนุ่มนวล)
- ควรเช็กลมยางไม่ให้อ่อนกว่าเกณฑ์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันภาวะต้านทานการหมุนหรือ Rolling Resistance ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้กำลังในการขับเคลื่อนมากกว่าปกติ จนเกิดการเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตามมา จะเห็นได้ว่าระดับลมยางที่เหมาะสม มีความเกี่ยวพันกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ด้วย
- การเติมลมยางต้องสัมพันธ์กับสิ่งของที่บรรทุก หากบรรทุกของหนักจะทำให้ต้องเพิ่มแรงดันลมยางอีก 3 ปอนด์ต่อล้อแต่ละข้าง การย้ายสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ (แม้ชิ้นเล็กน้อย แต่เมื่อรวมกันก็หลายสิบกิโลกรัม) จะทำให้ลดภาระของเครื่องยนต์ในการใช้กำลังขับเคลื่อนรถ ช่วยยืดการทำงานของระบบล้อและเพลา ไม่ต้องเติมลมยางและพลังงานเชื้อเพลิงส่วนที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เรียกว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายที่จะตามมาในทุกด้าน ทั้งค่าลมยาง ค่าเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นแก๊สหรือน้ำมัน
- การเติมลมยาง ไม่ควรน้อยเกินไปจนยางอ่อน เพราะจะเกิดปัญหายางบวม ทำให้อายุการใช้งานของยางรถยนต์สั้นลง (ทำให้ต้องเสียค่ายางใหม่เร็วกว่าที่ควรหลายพันบาท) ขณะเดียวกันก็ทำให้ดอกยางบริเวณขอบด้านข้างสึกหรือโล้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งทำให้ต้องเปลืองน้ำมันในการขับเคลื่อนรถมากกว่าปกติด้วย
- ผู้ขับขี่ที่ชอบเติมลมยางรถให้มากกว่าปกติ จนถึงขั้นยางแข็ง จะทำให้ดอกยางตรงกลางหน้ายางโล้นเร็วกว่าปกติและทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลง ทำให้ต้องเปลี่ยนยาง หรือปะยางที่รั่วเร็วกว่าที่ควร
จากเทคนิคการเติมลมยางรถยนต์ที่กล่าวมาข้างต้น คงเห็นแล้วว่าการเติมลมยางในระดับที่เหมาะสม สัมพันธ์กับการใช้งานและประเภทของรถยนต์ จะช่วยให้การขับขี่รถทุกครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยและสบายใจที่สามารถประหยัดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ระยะสั้นหรือเส้นทางไกลก็ไร้กังวล
GPS ติดตามรถยนต์ และระบบจัดการยานพาหนะ CARTRAK ดูแลความปลอดภัยและยืดอายุใช้งานรถ
หากคุณมีรถใช้งานเป็นจำนวนมาก หรือมีรถใช้งานในธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือมาช่วยดูแลและจัดการ CARTRACK เราเป็นบริษัทรับติดตั้ง GPS ติดตามรถยนต์ ในประเทศไทย ดูข้อมูลได่ง่ายผ่านระบบจัดการยานพาหนะ หรือ Fleet Management เข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการ ผ่านสมาร์ทโฟนที่คุณมี
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการใช้งานรถที่สำคัญ เช่น ความเร็วที่ใช้ การเบรกกะทันหัน ช่วงเวลาที่มีการจอดแช่นิ่ง รวมถึงตั้งแจ้งเตือนเพื่อส่งรถเข้าซ่อมบำรุง รวมถึงจัดการการใช้งานรถยนต์ ทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชันของ CARTRACK
นอกจากนี้เรายังมีบริการติดตั้งเซนเซอร์น้ำมัน เพื่อใช้งานร่วมกับกล่อง GPS ติดตามรถ หรือกล้อง AI ซึ่งเป็นกล้อง GPS ติดรถแบบ CCTV ใช้งานกับรถยนต์หรือรถบรรทุกได้ ราคาคุ้มค่า พร้อมยกระดับการทำงานให้ธุรกิจมีรถของคุณด้วยข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์
หากสนใจสอบถามข้อมูล GPS รถเพิ่มเติมหรือขอใบเสนอราคา กรอกข้อมูลการติดต่อของคุณที่นี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
สำหรับลูกค้าใหม่ CARTRACK! ติดตั้งวันนี้ ฟรีค่าติดตั้งและค่าอุปกรณ์กล่อง GPS จ่ายเพียงค่าบริการ พร้อมโปรโมชันพิเศษ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถยนต์ รถตู้ รถกระบะ GPS ติดตามรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: CARTRACK GPS หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที