ก่อนนำรถที่ใช้งานในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก รถกระบะ รถตู้ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ไปติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน ธุรกิจจะต้องเตรียมความพร้อมให้รถเป็นพิเศษหรือไม่? ถ้ามี ต้องทำอะไร?
เพราะขนาดคนเราจะไปหาหมอหรือไปรับบริการอะไรสักอย่าง ยังต้องมีการเตรียมตัวก่อน แล้วถ้าเป็นการนำรถไปติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันเพิ่มเติมล่ะ มีอะไรที่เจ้าของรถต้องรู้บ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการบริการที่เหมาะสมกับยานพาหนะของคุณมากที่สุด บทความคาร์แทรคตอนนี้มีคำตอบ
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าเซนเซอร์ตัวนี้มีความสามารถในเรื่องใดบ้าง ซึ่งก็ตรงตามชื่อของมันเลย เซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน (Fuel Level Sensor) ใช้เป็นอุปกรณ์วัดระดับน้ำมันในถัง ช่วยให้เจ้าของรถสามารถติดตามปริมาณน้ำมันที่ถูกใช้ไปในแต่ละครั้งที่เติมได้ น้ำมันที่อยู่ในถังสามารถวิ่งได้ระยะทางกี่กิโล มีความถี่ในการเติมเท่าใด หรือแม้แต่น้ำมันลดลงผิดปกติหรือไม่
เซนเซอร์น้ำมันนี้ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยประหยัดน้ำมันในแง่ธุรกิจอีกด้วย เพราะข้อมูลที่คุณได้รับนั้น สามารถนำไปวิเคราะห์ วางแผนต้นทุน และกำหนดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเติมน้ำมันได้
โดยเฉพาะการติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันกับรถใช้งานในธุรกิจ ที่มีการใช้งานรถจำนวนมาก เช่น ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจรับ-ส่งผู้โดยสาร หรือให้บริการตามบ้าน ซึ่งต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลแทบทุกวัน
หากที่ผ่านมาพนักงานขับรถหรือลูกจ้างใช้ช่องว่างจากการที่ธุรกิจขอแค่ใบเสร็จเติมน้ำมันมาเป็นหลักฐานในการเบิกจ่าย แล้วแอบขโมยน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยการดูดน้ำมันออกจากถังปริมาณพอสมควรจนผิดสังเกต เพื่อนำไปขายที่สถานีรับซื้อน้ำมันเถื่อน
ซึ่งเหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในระหว่างคนขับรถขับอยู่ในเส้นทางขนส่ง แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้หากไม่มีอุปกรณ์ตรวจสอบข้อมูลโดยเฉพาะ ดังนั้นเซนเซอร์น้ำมันที่ติดตั้งเพิ่มนี้ จะทำให้คุณตรวจเจอการทุจริต การดูดน้ำมันออกจากรถ ที่เกิดขึ้นแบบที่คุณไม่รู้ตัวมาก่อนก็เป็นได้
ปัจจุบันนี้มีการพัฒนารูปแบบเซนเซอร์น้ำมันให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์กับการใช้งานกับรถรุ่นต่าง ๆ โดยเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันรุ่นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มธุรกิจใช้รถ ไปจนถึงรถยนต์ รถบรรทุกใช้งานส่วนบุคคล มีดังนี้
เซนเซอร์น้ำมันแบบอนาล็อก (Analog) เป็นรูปแบบเซนเซอร์ที่ติดตั้งง่ายที่สุด ราคาถูกที่สุดในบรรดาเซนเซอร์น้ำมันทั้งหมด ทำให้ได้รับความนิยมในการติดตั้งตั้งแต่กลุ่มรถใช้งานในธุรกิจไปจนถึงรถใช้งานส่วนตัว
เรียกได้ว่าทั้งรถยนต์ รถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุก ไม่ว่ารถรุ่นไหนก็ตาม หากเป็นรถที่มีเข็มน้ำมัน ก็สามารถติดตั้งใช้งานเซนเซอร์อนาล็อกได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ในส่วนการทำงานของเซนเซอร์อนาล็อกจะขึ้นอยู่กับลูกลอยและปั๊มติ๊กในถังน้ำมัน หมายความว่าหากลูกลอยหรือปั๊มติ๊กมีปัญหา หรือเกิดเสื่อมสภาพขึ้นมา ผลลัพธ์การวัดระดับน้ำมันที่เซนเซอร์อ่านได้ก็อาจจะผิดเพี้ยนไปด้วยนั่นเอง
เซนเซอร์น้ำมันแบบถัดมาคือ CANBus รุ่นนี้จะได้รับความนิยมในการติดตั้งไม่แพ้รุ่นแรกเลย เพราะสามารถติดตั้งได้ง่าย เพียงต่ออุปกรณ์เข้าไปที่ตัวรถ และใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี ECU (Engine Control Unit) ที่มาพร้อมกับรถอยู่แล้ว
โดยรถจะมีระบบ ECU ที่ทำหน้าที่เป็นสมองกล คอยควบคุมและประสานงานการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในรถ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และหนึ่งในค่าที่ ECU สามารถอ่านและบันทึกผลได้ก็คือค่าน้ำมันรถนั่นเอง ทั้งนี้ ECU ของรถแต่ละรุ่นจะมีการตั้งค่าจากโรงงานที่แตกต่างกัน
อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ หากรถที่ใช้งานอยู่มีการตั้งค่า ECU ให้อ่านค่าน้ำมันได้ คุณก็สามารถเลือกติดตั้งเซนเซอร์วัดน้ำมันดิจิตอลแบบ CANBus ได้ แต่หาก ECU อ่านค่าไม่ได้ คุณก็จำเป็นต้องหาเซนเซอร์รุ่นอื่นมาติดตั้งแทน
มาถึงเซนเซอร์น้ำมันแบบ Tube แตกต่างจากเซนเซอร์รุ่นอื่นตรงที่ติดตั้งด้วยการเจาะถังน้ำมัน ดังนั้นจึงติดตั้งได้เฉพาะรถที่มีถังน้ำมันอยู่ภายนอกเท่านั้น เช่น รถบรรทุก รถพ่วง รถเทรลเลอร์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ ฯลฯ
เพราะเซนเซอร์รูปแบบนี้จะมีท่อ (Tube) ใช้ในการอ่านค่าโดยเฉพาะ ซึ่งด้านในของ Tube จะมีพื้นที่กลวง เพื่อให้น้ำมันสามารถไหลเข้าไปได้ จึงไม่ต้องพึ่งลูกลอยในถังน้ำมัน
ค่าที่เซนเซอร์รุ่นนี้วัดได้จึงมีความละเอียดสูง และค่อนข้างแม่นยำที่สุด ในขณะที่เซนเซอร์แบบอื่นอาจจะวัดระดับน้ำมันไม่ได้ หากมีน้ำมันเหลืออยู่ในถังน้อยเกินไป หรือเต็มถังมากจนเกินไป
ข้อหนึ่งที่คุณควรรู้ก็คือ หลังจากติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันแบบ Tube แล้ว ประกันรถในส่วนของถังน้ำมันจะขาดทันที แต่ไม่ได้กระทบกับประกันรถทั้งคันแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้สอบถามกับบริษัทประกันรถที่คุณทำอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าการติดตั้งเซนเซอร์เจาะถังจะมีผลกับประกันรถในลักษณะนี้หรือไม่
รวมถึงการติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันแบบ Tube จะไม่นิยมถอดออก เป็นการติดตั้งถาวรไปเลย ดังนั้นควรพิจารณาให้ดีแล้วจึงติดตั้งจะเป็นการดีที่สุด
เมื่อได้รู้จักกับเซนเซอร์น้ำมันแต่ละรูปแบบและตัดสินใจกันได้แล้ว คราวนี้มาถึงขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจะนำรถไปติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันแต่ละรูปแบบ ซึ่งเจ้าของรถสามารถดำเนินการก่อนได้ ดังนี้
เจ้าของรถที่ต้องการติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันแบบอนาล็อกไม่จำเป็นต้องเตรียมรถเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องตรวจสอบการใช้งานของรถ 2 ส่วน ได้แก่ ลูกลอย และ เข็มน้ำมันที่หน้าปัดรถ หรือ เกจ์น้ำมัน ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติไหม ก่อนจะนัดหมายให้ช่างมาติดตั้งเซนเซอร์
สำหรับผู้ที่สนใจติดตั้งเซนเซอร์น้ำมัน CANBus ไม่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้รถเช่นเดียวกัน แต่จะมีข้อควรทราบคือ กรณีเป็นรถที่ติดตั้งเซนเซอร์รูปแบบนี้ครั้งแรกอาจจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการที่ค่อนข้างนาน สูงสุดประมาณ 5-6 ชั่วโมง
เนื่องจากต้องมีการตรวจหาค่า CANBus ของรถ รวมถึงตรวจสอบว่ารถที่ติดตั้งสามารถอ่านค่า CANBus ได้หรือไม่ เพื่อความเสถียรสูงสุดในการบันทึกข้อมูลของตัวเซนเซอร์น้ำมัน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบก่อนติดตั้งค่อนข้างนาน แต่หากมีข้อมูลอยู่แล้วก็จะใช้เวลาในการติดตั้งไม่นาน
ต่อกันที่เซนเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Tube ซึ่งทราบกันแล้วว่าเป็นรูปแบบเซนเซอร์ที่ต้องติดตั้งโดยการเจาะถังน้ำมัน ดังนั้น เจ้าของรถควรจะต้องเตรียมพร้อมด้วยการอนุญาตให้ช่างเจาะถังน้ำมันได้ และเตรียมความพร้อมรถ ดังนี้
จะเห็นได้ว่าการเตรียมรถเพื่อติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ยิ่งหากคุณเลือกผู้ให้บริการที่มีความพร้อม มีบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ดูแลสินค้าและผู้ใช้งานไปยาว ๆ รวมถึงมีราคาที่สมเหตุสมผล คุ้มที่ธุรกิจจะจ่าย คุณก็จะได้ประโยชน์จากการใช้งานเซนเซอร์น้ำมันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน
CARTRACK เราให้บริการเซนเซอร์น้ำมัน สำหรับใช้งานร่วมกับ GPS ติดรถ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการติดตามปริมาณการใช้น้ำมันและตำแหน่งรถ มาพร้อมระบบจัดการน้ำมันผ่านข้อมูลที่บันทึกได้ ทั้งจำนวนเวลาที่มีการจอดแช่นิ่ง ความเร็วรถที่ใช้ รวมถึงปริมาณน้ำมันที่เติมและถูกใช้ไป
เซนเซอร์น้ำมันที่เหมาะกับกลุ่มธุรกิจมีรถ ทั้งธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ ธุรกิจขนส่งแช่เย็น รถเช่า เต็นท์รถ ธุรกิจที่ต้องการควบคุมงบประมาณการใช้น้ำมัน หรือแม้แต่ธุรกิจที่สงสัยว่ามีการทุจริตน้ำมันเกิดขึ้นอยู่หรือไม่ เช่น ธุรกิจที่มีการขนส่งระยะทางไกล ที่รถจะอยู่นอกพื้นที่บริษัทเป็นระยะเวลานาน เช่น ขนสินค้าทางการเกษตร ขนผลไม้ ขนอ้อย ฯลฯ
ระบบบแสดงผลออกมาเป็นกราฟ ทำให้คุณเห็นทุกช่วงเวลาและทุกลิตรที่น้ำมันถูกใช้ มองเห็นภาพรวมการใช้น้ำมัน ค่าใช้จ่าย รวมถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากการทุจริตน้ำมันของพนักงานขับรถ ช่วยป้องกันธุรกิจของคุณจากการถูกขโมยน้ำมันได้จริง
หากสนใจติดตั้งจีพีเอสดูน้ำมันในถังได้ GPS วัดระดับน้ำมันและระบบจัดการน้ำมัน CARTRACK ตอบโจทย์คุณแน่
สามารถโทรสอบถามรายละเอียดและราคา ได้โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้ที่หมายเลข 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น. หรือกรอกฟอร์มที่ด้านบน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อ GPS ติดตามรถ รับทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านบนและให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ตอบ: เซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง CARTRACK มีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งหากเซนเซอร์มีการชำรุด เสียหาย สามารถติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ที่หมายเลข 02-136-2929 เพื่อนัดหมายให้ทีมช่างเข้าไปดูแล
ตอบ: ความจำเป็นในการติดตั้ง GPS ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน มากกว่าปริมาณรถที่มีอยู่ หากคุณต้องการติดตามปริมาณน้ำมันที่ใช้ และการเติมน้ำมัน แม้จะมีรถเพียง 1 คันคุณก็สามารถติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงได้
ตอบ: สังเกตได้จากข้อมูลน้ำมันที่แจ้งในระบบจัดการน้ำมันเริ่มคลาดเคลื่อนไปจากกราฟปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วเซนเซอร์น้ำมันทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Analog, CANBus และ Tube จะมีอายุการใช้งานสูงยาวนาน 5-10 ปีเลยทีเดียว
ทั้งนี้ หากผู้ใช้งานสงสัยว่าเซนเซอร์น้ำมันให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากสถานการณ์จริง สามารถแจ้งมายังหมายเลข 02-136-2929 เพื่อนัดหมายให้ช่างผู้ชำนาญการเข้าซ่อมแซมหรือเปลี่ยนตัวเซนเซอร์ได้
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
ก่อนนำรถไปติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมัน เพื่อติดตามปริมาณน้ำมันที่ใช้ เจ้าของรถต้องเตรียมความพร้อมให้รถหรือไม่ อย่างไร พร้อมค้นหารุ่นเซนเซอร์น้ำมันน่าใช้