BLOGS

งานบำรุงรักษารถ ช่วยเปลี่ยน ESG จากแนวคิดให้เป็นจริงได้อย่างไร?

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือควันรถ ลดการใช้น้ำมัน หรือดำเนินงานแบบรักษาสภาพแวดล้อม เริ่มเป็นแนวคิดที่ธุรกิจต่างๆ ในไทย หันมาลงมือทำให้เป็นกิจกรรมขึ้นมาจริงๆ หรือรูปธรรม เพราะไม่เพียงแค่ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ธุรกิจเป็นที่สนใจในหมู่นักลงทุนหรือที่เรียกว่าคุณค่าตามแนวคิด ESG ได้ด้วย

แล้ว ESG คืออะไร ทำไมแนวคิดนี้ถึงมีอิทธิพลเชิญชวนนักลงทุนให้อยากร่วมลงทุนในธุรกิจของเราได้ และธุรกิจของเราจะต้องเป็นแบบไหนหรือต้องทำอะไรถึงจะเข้าข่ายดำเนินการแบบ ESG ติดตามได้ในบทความคาร์แทรคตอนนี้เลย

ESG คืออะไร?

ESG ย่อมาจาก Environmental, Social, and Governance evaluation หรือการประเมินโดยใช้เกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารเข้าร่วม

ธุรกิจที่ใช้หลักการนี้คือ ธุรกิจที่ดำเนินงานโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหาร นั่นเอง

  • ด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือโลกร้อน ปัญหาทรัพยากรโลกเข้าสู่ภาวะขาดแคลน กิจกรรมของปัจจัยนี้คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการทำลายป่า ลดการใช้ก๊าซพิษ ลดการปล่อยน้ำและอากาศเสียสู่ภายนอก
  • ด้านสังคม ได้แก่ ความหลากหลายทางเพศ อายุ เชื้อชาติ สิทธิมนุษยชน ความเข้มข้นในสิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคและสัตว์ กิจกรรมของปัจจัยนี้คือ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ความหลากหลายของมนุษยชาติ ความเท่าเทียมกัน การพัฒนาชุมชน การดูแลความพึงพอใจของลูกค้า
  • ด้านการบริหารองค์กร ได้แก่ โครงสร้างการบริหารองค์กร การลดหลักเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครงานที่เป็นอุปสรรคต่อโอกาสการร่วมงานกับองค์กร การปราบคอรัปชันในทุกระดับและเพื่อผลประโยชน์ทุกประเภท ความสัมพันธ์และความสำคัญของพนักงานต่อองค์กร ค่าตอบแทนผู้บริหารและพนักงานทั่วไปขององค์กร

ESG คืออะไร?

ซึ่งผลลัพธ์ที่จะได้แน่นอนจากแนวคิด ESG คือ การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยแนวคิดการบริหารธุรกิจแบบนี้ เริ่มต้นมานานแล้วเกือบร้อยปี ในยุคที่โลกยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ดี

กระทั่งในช่วงปี 1990s แนวคิดเรื่องของการลงทุนอย่างมีสามัญสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่จึงค่อยเริ่มเติบโต และถูกพูดถึงครั้งแรกในชื่อ “Triple Bottom Line” หรือ “สามเสาหลัก” อันได้แก่ ผู้คน สังคมโลก และผลกำไร

ทำไม ESG ถึงทำให้ธุรกิจมี “เสน่ห์”?

Triple Bottom Line มีวิวัฒนาการมาเป็น ESG ในที่สุด ซึ่งระหว่างทางนั้น ก็ถูกพูดถึง ถกเถียง เห็นด้วย หรือแม้แต่ท้าทายว่า การดำเนินการอย่างมีจริยธรรมเช่นหลักการ ทำให้ธุรกิจจ่ายออกมากกว่าได้รับ สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

ทว่า ในแง่ของธุรกิจที่มีแผนการเติบโตอย่างชัดเจนในอนาคต หรือไปสู่การเป็นบริษัทมหาชน ESG คือหลักการที่ช่วยควบคุมการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพอย่างครบรอบด้าน

ด้วยการดำเนินงานแบบ ESG อย่างสม่ำเสมอและมีแผนการที่มีชั้นเชิง คือ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (productivity) มีการใช้ทรัพยากรในองค์กรอย่างคุ้มค่า รวมถึงดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูงมาร่วมงานได้มากขึ้น

ทั้งหมดยังเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งที่สุดแล้ว ส่งผลให้องค์กรที่ดำเนินการด้วยแนวคิด ESG เป็นองค์กรที่มีวิถีการเติบโตที่น่าลงทุนด้วย เป็นผลลัพธ์การดำเนินงานในฝันของธุรกิจน้อยใหญ่

อยากดำเนินงานแบบ ESG ต้องทำอย่างไร?

สำหรับธุรกิจที่มียานพาหนะใช้งาน การดูแลรถหรือเครื่องจักรใช้งาน เป็นงานที่มีรายละเอียดมากมายอยู่แล้ว แต่ก็สามารถจัดการให้เรียบง่าย คล่องตัว และที่สำคัญ เป็นระบบอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย ระบบบริหารจัดการรถและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ที่ช่วยให้ผู้จัดการยานพาหนะสามารถ

  • ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะในทุกด้าน
  • ติดตามความเคลื่อนไหว/การใช้ยานพาหนะ ได้ข้อมูลที่ปัจจุบันมากที่สุด
  • จัดการซ่อมบำรุงได้ตรงตามความจำเป็นของยานพาหนะแต่ละคันได้แบบอัตโนมัติ
  • ปรับขั้นตอนการจัดส่งง่ายขึ้น
  • ใช้งานยานพาหนะได้ปลอดภัยมากขึ้น
  • เพิ่มความพึงพอใจในการทำงานให้กับผู้ขับขี่ ลดการลาออกได้มากขึ้น
  • ปฏิบัติตามกฎจราจรได้ง่ายขึ้น

ทุกข้อข้างต้น นำไปสู่การบริหารการใช้งานยานพาหนะอย่างยั่งยืน (Fleet sustainability) เพราะการใช้ยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การลดการใช้ที่ไม่จำเป็น ลดการใช้น้ำมัน และลดค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองได้

ซึ่งก่อนที่จะลด เราจะต้องหาข้อมูลก่อนลดค่าใช้จ่ายมาเพื่อเปรียบเทียบก่อน ซึ่งข้อมูลนั้นคือ ข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Footprint ซึ่งทำได้ 2 วิธี

  1. การคำนวณตัวเลขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมันด้วยตัวเอง

    ในแต่ละเดือนบริษัทใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกี่ลิตร หากไม่ทราบข้อมูลนี้ ให้เอาตัวเลขระยะทางที่รถวิ่ง กับอัตราการกินน้ำมันของรถ มาใช้ในการคำนวณ

    โดยทั่วไป รถเครื่องยนต์ดีเซล จะปล่อยก๊าซฯ ที่ 2.68 กก. ต่อน้ำมัน 1 ลิตร หากรถวิ่ง 100 กม. ต่อเดือน ปริมาณก๊าซฯ ที่ปล่อย จะเท่ากับ 268 กก. ต่อเดือน
  2. ติดตัั้งระบบวัดการทำงานเครื่องยนต์

    ระบบวัดการทำงานเครื่องยนต์จะขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเทเลเมติกส์ (Telematics) ซึ่งเป้นเทคโนโลยีที่ติดตามความเคลื่อนไหว บันทึกข้อมูล และประมวลผลเป็นรายงานสรุปผลการทำงานของเครื่องยนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานต่อไป

    ด้วยระบบเทเลเมติกส์ ธุรกิจไม่ต้องนั่งติดตามการใช้รถ เก็บข้อมูลตัวเลขต่างๆ มาคำนวณเอง เพียงแค่ใช้ระบบก็จะบอกได้เลยว่า รถแต่ละคันมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่

ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากรถของคุณ

เราเชื่อว่า การขับเคลื่อนธุรกิจแบบรักษ์โลก ส่งผลดีต่อทุกคน รวมถึงธุรกิจเอง ด้วยการ

  1. ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น

    ด้วยการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงของยานพาหนะอย่างคุ้มค่า และปรับการใช้สอยทรัพยากรให้คุ้มค่าขึ้น ลดการสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่หรือแผนการใช้เส้นทางเดินรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  2. ดูแลยานพาหนะได้สมบูรณ์และสะอาดกว่า

    การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ของคาร์แทรค ดูแลยานพาหนะของคุณ ตั้งแต่เครื่องยนต์ ล้อ ยาง และน้ำมัน ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เสมอ ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง ยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์ และลดการปล่อยมลภาวะตลอดอายุเครื่องยนต์

    ระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงรถ (Fleet Maintenance System) จาก คาร์แทรค ติดตามและดูแลรถและการใช้งานตลอดเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ลดการสูญเสียน้ำมันและทรัพยากรอย่างเปล่าประโยชน์ และช่วยให้ธุรกิจที่มีแนวการทำงาน ESG ถึงฝั่งฝันได้ไวยิ่งกว่า

สอบถามข้อมูลระบบ พร้อมชมสาธิตการใช้ระบบจริง ที่ช่วยให้เห็นภาพชัดและมั่นใจว่าใช้ระบบดูแลรถได้ดีจริงๆ ทั้งรูปแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน คลิกกรอกข้อมูลติดต่อกลับที่นี่ หรือโทร 021362920 หรือ 021362921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลาทำการ

แนวคิด ESG คืออะไร ทำไมแนวคิดนี้ถึงมีอิทธิพลเชิญชวนนักลงทุนให้อยากร่วมลงทุนในธุรกิจของเราได้? ESG ดีอย่างไร ถ้าอยากทำแบบ ESG ต้องทำอย่างไร