BLOGS

ใช้เซนเซอร์น้ำมัน VS เก็บข้อมูลเอง ธุรกิจมีรถควรใช้วิธีไหน?

สนใจใช้งาน GPS ติดรถ Cartrack วันนี้ ปรึกษาฟรี!

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

เพราะ “ค่าน้ำมัน” คิดเป็นประมาณ 40% ของต้นทุนค่าขนส่งทั้งหมด ทุกวันนี้ ธุรกิจที่มีรถใช้งานจึงให้ความสำคัญกับการติดตามการใช้น้ำมันของรถ และเลือกใช้วิธีติดตั้งเซนเซอร์น้ำมัน เพื่อการติดตามความเคลื่อนไหวของน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่หลายคนก็อาจมีคำถามว่า ต้องใช้เซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเท่านั้นหรือ จึงจะมีประสิทธิภาพ? มีวิธีอื่นอีกไหม หรือใช้วิธีจดลงสมุดบันทึกเพียงพอหรือไม่ 

บทความคาร์แทรคตอนนี้จะสรุปข้อมูล ข้อดีและข้อจำกัด ของวิธีติดตามการใช้น้ำมันให้ดูอย่างละเอียด เพื่อให้การจัดการการใช้น้ำมันในธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายที่ต้องการอย่างแท้จริง

บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:

  • การบันทึกค่าน้ำมันสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?
  • ข้อดี-ข้อจำกัด ของการใช้เซนเซอร์น้ำมัน
  • ข้อดี-ข้อจำกัด ของการเก็บข้อมูลเอง
  • สรุปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อจำกัด ระหว่างการใช้เซนเซอร์น้ำมันกับการเก็บข้อมูลเอง
  • ธุรกิจของเราควรเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันรถแบบไหน?
  • เซนเซอร์น้ำมัน CARTRACK ช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่ายน้ำมันในธุรกิจคุณง่ายขึ้น

การบันทึกค่าน้ำมันสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?

การบันทึกค่าน้ำมันที่รถใช้งานมีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการใช้ยานพาหนะเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงาน เช่น ขนส่ง โลจิสติกส์ ฝ่ายขาย ก่อสร้าง หรือบริการนอกสถานที่ 

เพราะต้นทุนค่าน้ำมันส่งผลโดยตรงต่อ ต้นทุนการดำเนินงาน การวางแผนธุรกิจ และประสิทธิภาพการควบคุมการดำเนินงาน โดยการบันทึกค่าน้ำมันมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

1. ช่วยให้ควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิงได้แม่นยำ

เนื่องจากธุรกิจจะรู้อย่างชัดเจนว่ารถแต่ละคันใช้น้ำมันเท่าไหร่ มีข้อมูลการใช้น้ำมันเทียบกับระยะทางหรือภาระงานที่ทำได้ ช่วยให้เห็นชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่

2. ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการดำเนินงานผิดปกติ

หากมีการใช้น้ำมันมากผิดปกติ ค่าน้ำมันที่เติมกับปริมาณน้ำมันที่อยู่ในถังไม่ตรงตามความเป็นจริง การบันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจะชี้ให้เห็นว่ามีการทุจริตโกงน้ำมันอยู่ทันที

3. ช่วยวางแผนเส้นทางหรือภารกิจได้ประหยัดขึ้น

การบันทึกข้อมูล จะทำให้ธุรกิจมีข้อมูลไว้ตรวจสอบและทำงานต่อ เช่น เปรียบเทียบรถและเส้นทางที่ประหยัดน้ำมันที่สุด ซึ่งธุรกิจก็จะสามารถปรับแผนการใช้งานรถให้คุ้มค่ามากขึ้นได้

4. ใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์กำไรขาดทุนจริงในแต่ละงานที่ทำ

ธุรกิจสามารถคำนวณต้นทุนต่อการขนส่ง หรือภารกิจต่าง ๆ ได้แม่นยำขึ้นด้วยข้อมูลการใช้น้ำมันที่บันทึกไว้ เพื่อใช้วางแผนปรับราคาสินค้าและบริการได้อย่างเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง หรือประเมินโอกาสในตลาดอย่างถูกต้อง

ข้อดี-ข้อจำกัด ของการใช้เซนเซอร์น้ำมัน

การใช้เซนเซอร์น้ำมันเป็นอุปกรณ์วัดระดับน้ำมันในถังของรถ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจติดตามและควบคุมต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนี้

ข้อดีของการใช้เซนเซอร์น้ำมัน

1. วัดปริมาณน้ำมันในถังน้ำมันของรถได้แม่นยำ ให้ข้อมูลระดับน้ำมันแบบเรียลไทม์ แม้รถกำลังวิ่งหรือจอดอยู่ เห็นชัดว่าเติมน้ำมันเข้าจริงหรือไม่

2. ตรวจจับการสูญหายหรือขโมยน้ำมัน แจ้งเตือนทันทีเมื่อน้ำมันลดลงผิดปกติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะสามารถจับการขโมยน้ำมันได้อย่างชัดเจนคาหนังคาเขาจริง ๆ ช่วยลดการทุจริตภายในของพนักงานและพนักงานขับรถ และควบคุมพฤติกรรมไม่เหมาะสม

3. วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกเพราะเชื่อมกับระบบ GPS ข้อมูลน้ำมันจะเชื่อมโยงกับข้อมูลระบบ GPS รถด้วย (หรือที่ผู้ประกอบการที่มีรถจะรู้กันในชื่อ GPS ตรวจสอบน้ำมัน) จึงทำให้ได้ข้อมูลที่ลึกขึ้น เช่น พิกัดที่น้ำมันลดลงผิดปกติอยู่ตรงไหน เวลาที่เกิดขึ้น การใช้เส้นทาง ระยะทางที่ใช้ และการใช้น้ำมัน ช่วยให้ชี้ตัวคนกระทำผิดได้ง่ายมากขึ้น

4. บันทึกข้อมูลย้อนหลังได้ ด้วยความที่เซนเซอร์น้ำมันจะทำงานร่วมกับระบบ GPS ติดตามรถ จึงสามารถบันทึกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้ เช่น การเติมน้ำมันหรือน้ำมันลดย้อนหลังได้ ใช้ประกอบการตรวจสอบภายหลัง หรือเป็นหลักฐานหากมีการพิพาทกัน

ข้อจำกัดของการใช้เซนเซอร์น้ำมัน

1. ต้องติดตั้งให้ตรงกับรถแต่ละรุ่น เนื่องจากถังน้ำมันของรถแต่ละรุ่นมีรูปทรงและขนาดต่างกัน ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูและจัดการติดตั้งให้

2. ค่าน้ำมันที่อาจคลาดเคลื่อน เซนเซอร์วัดระดับของเหลวในถัง หากรถวิ่งหรืออยู่บนเนินที่ไม่ใช่ทางราบ อาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากระดับของเหลวในถังได้ แต่ก็เป็นแค่ภาวะชั่วคราวเท่านั้น

3. มีต้นทุนติดตั้งและบำรุงรักษา กรณีที่รถไม่เคยมีการติดตั้ง GPS ติดรถหรือเซนเซอร์น้ำมันมาก่อน เจ้าของรถต้องลงทุนค่าเซนเซอร์และการเชื่อมระบบเหล่านี้

ข้อดีของการใช้เซนเซอร์น้ำมันกับรถบริษัท

ข้อดี-ข้อจำกัด ของการเก็บข้อมูลเอง

การเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันเอง คือการจดบันทึกใส่สมุดจดของสำนักงาน หรือระบบ Excel บนคอมพิวเตอร์ 

สิ่งที่จดบันทึก ได้แก่ ทะเบียนรถที่ใช้น้ำมันคือทะเบียนอะไร เติมน้ำมันอะไร เติมน้ำมันไปเท่าไหร่ ใช้ขับไปที่ไหน ก่อนใช้เลขน้ำมันเท่าไหร่ หลังใช้เลขน้ำมันคือเท่าไหร่ ใครเป็นคนขับ ค่าน้ำมันที่ใช้ทั้งหมดรวมเป็นเท่าไหร่ ฯลฯ 

ข้อดีของการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันเอง

1. ต้นทุนต่ำ นี่คือข้อดีข้อสำคัญของการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันเอง ไม่ว่าจะเป็นการจดลงสมุด หรือระบบบันทึกบนคอมพิวเตอร์ ก็มีค่าใช้จ่ายนิดเดียวเท่านั้น เพราะไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์หรือติดตั้งระบบ รวมถึงลงมือทำงานได้ทันที ไม่ต้องฝึกอบรมอะไรมาก

2. ยืดหยุ่นตามความต้องการในระดับสูง คนทำงานสามารถออกแบบฟอร์มหรือตารางเองได้ตามความต้องการหรือลักษณะธุรกิจ 

3. ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี สำหรับบางธุรกิจที่ไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยี การจดบันทึกก็เป็นวิธีการที่ทำได้ ส่วนมากจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก หรือพื้นที่ไม่มีระบบอินเทอร์เน็ตที่เสถียร

การเก็บข้อมูลน้ำมันด้วยตัวเอง เช่น การจดบันทึกลงสมุด หรือใช้ Excel แม้จะเป็นวิธีพื้นฐานที่หลายธุรกิจเริ่มใช้ในช่วงแรก แต่ก็มีทั้งข้อจำกัดที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจเริ่มขยายหรือมีรถหลายคัน

ข้อจำกัดของการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันเอง

1. เสี่ยงข้อมูลคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากการเก็บข้อมูลเอง ต้องใช้คน ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง ข้อมูลอาจถูกกรอกผิด ลืมกรอก หรือกรอกไม่ครบ และยากต่อการตรวจสอบความถูกต้อง

2. ตรวจสอบการโกงได้ยาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลเองเป็นการจดบันทึกข้อมูลที่ได้จากคนขับ ไม่ใช่การตรวจสอบโดยตรงจากถังน้ำมัน 

หากพนักงานรูดบัตรเติมน้ำมันแต่ไม่ได้เติมจริง หรือมีการดูดน้ำมันออกจากถัง คุณก็ไม่สามารถตรวจจับได้

3. ไม่สามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ ข้อมูลเกิดจากการรวบรวมและบอกเล่าภายหลังจากคนขับ ทำให้วิเคราะห์ไม่ทันเหตุการณ์หรือไม่สามารถตรวจสอบตามความเป็นจริงได้

4. ใช้เวลามากในการรวบรวม วิเคราะห์ และสรุป เมื่อรถมีจำนวนมาก การรวมข้อมูลแต่ละวัน สัปดาห์ หรือเดือนจะต้องใช้เวลามาก และมีโอกาสผิดพลาดสูง

5. ยากต่อการเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่น เช่น พิกัดรถ หรือระยะทาง เพราะไม่มีอุปกรณ์ติดตาม ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้งานต่อเที่ยวหรือต่อเส้นทางได้อย่างแม่นยำ

ภาพตัวอย่างการจดบันทึกข้อมูลน้ำมันลงในสมุด

สรุปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อจำกัด ระหว่างการใช้เซนเซอร์น้ำมันกับการเก็บข้อมูลเอง

การใช้เซนเซอร์น้ำมัน การเก็บข้อมูลเอง
ข้อดี:
  • วัดปริมาณน้ำมันในถังน้ำมันของรถได้แม่นยำ ให้ข้อมูลระดับน้ำมันแบบเรียลไทม์
  • ตรวจจับการสูญหายหรือขโมยน้ำมันได้ เพราะแจ้งเตือนทันทีเมื่อน้ำมันลดลงผิดปกติ
  • วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกเพราะเชื่อมกับระบบ GPS ข้อมูลน้ำมันจะเชื่อมโยงกับข้อมูลระบบ GPS รถ
  • บันทึกข้อมูลย้อนหลังได้ ด้วยความที่เซนเซอร์น้ำมันจะทำงานร่วมกับระบบ GPS ติดตามรถ
  • ต้นทุนต่ำ ไม่ว่าจะเป็นการจดลงสมุด หรือระบบบันทึกบนคอมพิวเตอร์ ลงมือทำงานได้ทันที ไม่ต้องฝึกอบรมอะไรมาก
  • ยืดหยุ่นตามความต้องการในระดับสูงออกแบบฟอร์มหรือตารางเองได้ตามความต้องการหรือลักษณะธุรกิจ
  • ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ส่วนมากจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก หรือพื้นที่ไม่มีระบบอินเทอร์เน็ตที่เสถียร
ข้อจำกัด
  • ต้องติดตั้งให้ตรงกับรถแต่ละรุ่น เนื่องจากถังน้ำมันของรถแต่ละรุ่นมีรูปทรงและขนาดต่างกัน ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูและจัดการติดตั้งให้
  • ค่าน้ำมันที่อาจคลาดเคลื่อน เซนเซอร์วัดระดับของเหลวในถัง หากรถวิ่งหรืออยู่บนเนินที่ไม่ใช่ทางราบ อาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากระดับของเหลวในถังได้
  • มีต้นทุนติดตั้งและบำรุงรักษา ในตอนแรก
  • เสี่ยงข้อมูลคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากการเก็บข้อมูลเอง ข้อมูลอาจถูกกรอกผิด ลืมกรอก หรือกรอกไม่ครบ และยากต่อการตรวจสอบความถูกต้อง
  • ตรวจสอบการโกงได้ยาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลเองเป็นการจดบันทึกข้อมูลที่ได้จากคนขับ ไม่ใช่การตรวจสอบโดยตรงจากถังน้ำมัน หากคนกระทำการทุจริตก็ไม่สามารถตรวจจับได้
  • ไม่สามารถดูข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้วิเคราะห์ไม่ทันเหตุการณ์หรือไม่สามารถตรวจสอบตามความเป็นจริงได้
  • ใช้เวลามากในการรวบรวม วิเคราะห์ และสรุป เมื่อรถมีจำนวนมาก และมีโอกาสผิดพลาดสูง
  • ยากต่อการเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่น ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้งานต่อเที่ยวหรือต่อเส้นทางได้อย่างแม่นยำ

ธุรกิจของเราควรเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันรถแบบไหน?

ธุรกิจควรเลือกใช้วิธีการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันรถ จากปัจจัยดังต่อไปนี้

1. จำนวนรถ

ถ้ารถเยอะ ควรใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อลดภาระงานและเก็บบันทึกข้อมูลอย่างครบถ้วนและถูกต้อง

2. เป้าหมายของการเก็บข้อมูล

เป้าหมายการเก็บข้อมูลการใช้น้ำมันรถของธุรกิจคุณคืออะไรบ้าง เพื่อลดต้นทุน เพื่อตรวจจับการโกง เพื่อ ประเมินประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์หรือไม่ ฯลฯ การรู้เป้าหมายของสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจเลือกวิธีได้อย่างถูกต้องได้มากเลยทีเดียว

3. งบประมาณ 

ธุรกิจคุณมีงบลงทุนเทคโนโลยีแค่ไหน? เทคโนโลยีที่สนใจอยู่ต้องใช้งบประมาณแค่ไหน? การค้นหาข้อมูลค่าใช้จ่ายของระบบจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นมากขึ้น 

เพราะคนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจว่าเทคโนโลยีมีราคาสูงเสมอ ทั้งที่จริงแล้ว ราคาอาจจะไม่สูงอย่างที่คิด

เซนเซอร์น้ำมัน CARTRACK ช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่ายน้ำมันในธุรกิจคุณง่ายขึ้น

เซนเซอร์น้ำมันด้วยเทคโนโลยีความแม่นยำสูงจาก CARTRACK ติดตามความเคลื่อนไหวของน้ำมันในรถหรือเครื่องจักรใช้งานได้แบบเรียลไทม์และตลอดเวลา ทำงานเหมือนผู้ช่วยที่ติดตามทรัพย์สินแทนธุรกิจตลอด 24 ชม.

ทุกเหตุการณ์สำคัญของน้ำมัน เซนเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิง CARTRACK ติดตามได้ เช่น เติมน้ำมัน การใช้น้ำมัน รวมถึงน้ำมันลดลงผิดปกติ ที่เป็นสัญญาณแรกของการขโมยน้ำมัน และแจ้งเตือนทันที 

ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการจัดการการใช้รถให้มีประสิทธิภาพ ตัดลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เสียเปล่าอย่างไม่จำเป็น รวมถึงตรวจจับการทุจริตน้ำมัน ซึ่งต้องใช้เซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น

หากธุรกิจใดมีปัญหาต้นทุนค่าน้ำมันสูง ต้องการตรวจสอบและขจัดทุจริตน้ำมัน หรือสนใจใช้งานเซนเซอร์น้ำมันเป็นระบบจัดการน้ำมันที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำในองค์กร สามารถโทรสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK ได้โดยตรงที่หมายเลข 02-136-2920, 02-136-2921 ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 8.30 - 17.30 น. หรือกรอกฟอร์มที่ด้านบน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สนใจซื้อ GPS ติดตามรถ รับทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดตามรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเซนเซอร์น้ำมัน

ถาม: “ติดตั้งเซนเซอร์วัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง โดยไม่ใช้ GPS ได้ไหม?”

ตอบ: การติดตั้งเฉพาะเซนเซอร์น้ำมันนั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเซนเซอร์ทำได้เพียงวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในถังน้ำมันเท่านั้น จำเป็นต้องทำงานร่วมกับกล่อง GPS ติดรถ เพื่อเก็บข้อมูลอื่น ๆ และนำมาประมวลผล เพื่อแสดงออกมาเป็นรายงานการใช้น้ำมัน ข้อมูลจาก GPS ติดรถ เช่น พิกัด เวลา ระยะทางขับขี่ ฯลฯ

ถาม: “หลังติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันเชื้อเพลิงจะทำให้ประกันรถขาดไหม?”

ตอบ: การติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันไม่ได้ส่งผลให้ประกันรถขาดแต่อย่างใด สำหรับเซนเซอร์แบบ Tube ซึ่งติดตั้งเซนเซอร์ด้วยการเจาะถังน้ำมัน จะทำให้ประกันขาดเฉพาะบริเวณถังน้ำมันเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้สอบถามข้อมูลกับทางบริษัทประกันให้ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจติดตั้งเซนเซอร์น้ำมัน

ถาม: “อุปกรณ์วัดระดับน้ำมันในถังรุ่นไหนเสถียรที่สุด?”

ตอบ: ความเสถียรของอุปกรณ์วัดระดับน้ำมันสามารถเรียงลำดับได้เป็น เซนเซอร์น้ำมันแบบเจาะถัง รุ่น Tube > เซนเซอร์น้ำมันแบบ CANBus > เซนเซอร์น้ำมันแบบ Analog (อนาล็อก) เนื่องจากการติดตั้งอุปกรณ์ Tube เข้าไปในถังโดยตรง ย่อมมีความเสถียรกว่าการเก็บข้อมูลมากที่สุด 

แต่สำหรับรถประเภทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถติดตั้งเซนเซอร์น้ำมันแบบเจาะถังได้ เซนเซอร์รุ่น CANBus และ Analog ก็นับว่ามีความเสถียรเพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว

ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่

Facebook: Cartrack Thailand

Instagram: @cartrack.thailand‍

LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที

ธุรกิจมีรถควรใช้เซนเซอร์น้ำมัน หรือจดเองดีกว่า

เพราะ “ค่าน้ำมัน” คือประมาณ 40% ของต้นทุนค่าขนส่งทั้งหมด ถ้าอยากจัดการได้ ต้องใช้เซนเซอร์น้ำมันหรือเก็บข้อมูลเอง? บทความนี้เปรียบเทียบให้ดูอย่างละเอียด