ประโยชน์ของรถไฟฟ้า EV ไม่เพียงแค่ลดค่าเชื้อเพลิง จากน้ำมันเบนซิน ดีเซล ที่ราคาสูงขึ้นทุกวัน เป็นค่าไฟฟ้า แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเหตุผลที่จูงใจคนให้เปลี่ยนมาใช้ รถ EV ในไทย กันอย่างมากมาย
ทว่าปัญหาอย่างแบตเตอรี่รถไฟฟ้ที่เสี่ยงหมดระหว่างทาง แบบหาจุดชาร์จไม่ทัน ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ใช้รถหรืออยากใช้รถไฟฟ้าส่วนหนึ่งกังวลไม่หาย ปัญหานี้จะมีทางแก้อย่างไร ทำได้จริงไหม มาติดตามบทความตอนนี้ไปกับคาร์แทรค (CARTRACK) ผู้ให้บริการระบบจัดการยานพาหนะ และ GPS ติดรถกัน
บทความตอนนี้ชวนคุยเรื่อง:
การทำงานของรถไฟฟ้า EV
ใช้รถอย่างไรให้ไม่กลัวแบตเตอรี่รถไฟฟ้าหมดกลางทาง?
เหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ผู้ใช้ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่รถไฟฟ้า?
ความจุของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
ขับรถ EV ในไทยแบบสบายใจ ทำยังไงได้บ้าง?
ระบบจัดการยานพาหนะ (Fleet Management System) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรถ EV ได้อย่างไร?
การทำงานของรถไฟฟ้า EV ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รถไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) จะใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยแบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ที่สั่งขับเคลื่อนล้อ ให้รถเคลื่อนที่
เมื่อแบตเตอรี่หมด วิธีชาร์จไฟรถ คือ การเสียบที่ชาร์จไฟจากสถานีชาร์จหรือจุดชาร์จ เข้ากับเต้ารับของรถ ที่หน้าตาคล้ายกับจุดเติมน้ำมันของรถใช้น้ำมันทั่วไป
นอกจากการชาร์จไฟรถแบบปกติแล้ว รถไฟฟ้ายังสามารถชาร์จไฟได้จากการเบรก หรือ Regenerative Braking เป็นการเบรกรถรูปแบบหนึ่ง ที่จะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรก และส่งกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากยิ่งขึ้น
ใช้รถอย่างไรให้ไม่กลัวแบตเตอรี่รถไฟฟ้าหมดกลางทาง? ความระแวงความจุแบตเตอรี่รถไฟฟ้ากับระยะทางที่รถวิ่งเกิดจากความไม่แน่ใจว่า แบตเตอรี่รถไฟฟ้าจะเพียงพอต่อระยะทางที่รถวิ่งหรือไม่ ผู้ใช้รถจำนวนหนึ่งจึงไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าเต็มตัวดีไหม หรือเลือกใช้รถแบบพลังงานผสมหรือ Hybrid แทน เพื่อลดความเสี่ยง
เหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ผู้ใช้ไม่มั่นใจในแบตเตอรี่รถไฟฟ้า? รถไฟฟ้า EV ที่ใช้เป็นรถรุ่นเก่า ซึ่งมีความจุพลังงานต่ำ วิ่งได้ระยะไม่ไกลมาก ต้องชาร์จไฟบ่อย ไม่รู้แม่นยำเรื่องความจุพลังงานไฟฟ้าของรถที่ขับ จึงไม่สามารถประเมินได้ว่ารถจะวิ่งได้ระยะทางแค่ไหนก่อนที่จะต้องชาร์จไฟอีกครั้ง ไม่รู้พิกัดจุดชาร์จไฟ หรือรู้จักไม่กี่จุด ทำให้กะระยะไม่ถูกว่าควรชาร์จไฟเมื่อไหร่ถึงจะดีที่สุด ควรชาร์จรถตอนนี้ หรือไปอีกข้างหน้าก็เจอสถานีชาร์จไฟอีก เป็นต้น ไม่รู้แม่นยำเรื่องหัวจ่ายไฟและความเร็วการชาร์จ ทำให้กะเวลาไม่ถูก จึงไม่ค่อยอยากใช้รถ EV เลือกใช้รถใช้น้ำมันตามปกติง่ายกว่า
ความจุของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง? พฤติกรรมการขับขี่ การขับขี่ที่กระทบเครื่องยนต์ เช่น เร่งความเร็ว เบรกกะทันหัน หรือเร่งเครื่อง ส่งผลต่อรถไฟฟ้า EV มากพอ ๆ กับรถใช้น้ำมันปกติ ทำให้รถใช้พลังงานมากกว่าปกติ วิ่งได้ระยะทางน้อยลง และเครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น อุณหภูมิอากาศและอุณหภูมิเครื่องยนต์ ก่อนหน้านี้มีความเชื่อว่า อุณหภูมิอากาศมีผลต่อความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งมีความเป็นไปได้จริง เนื่องจากแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เมื่อก่อนทำมาจากลิเทียมไอออน ซึ่งสูญค่าแบตเตอรี่ได้ไวในสภาพอากาศที่เย็น อย่างไรก็ดี ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบตเตอรี่ในปัจจุบัน ทำให้อุณหภูมิอากาศไม่ค่อยมีผลต่อค่าแบตเตอรี่มากเท่าไหร่แล้ว สิ่งที่ส่งผลกระทบมากกว่าคือ พลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศ ที่ส่งผลต่ออุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ แบตเตอรี่รถไฟฟ้าเหมือนกับแบตเตอรี่ทั่วไป ที่มีอายุการใช้งานอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมีผลต่อความสามารถการจุแบตเตอรี่โดยตรง ซึ่งพอใช้งานแบตฯ ไปเรื่อย ๆ อายุการใช้งานก็ลดลง ส่งผลให้ความจุแบตเตอรี่ลดลงเช่นกัน โชคดีที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ลดลงเพียงเฉลี่ยปีละ 2.3% เป็นต้นว่า รถไฟฟ้า EV ที่สามารถวิ่งได้ 434 กม. ต่อการชาร์จแบตฯ เต็ม 1 รอบ จะเหลือความสามารถการวิ่งได้เพียง 363 กม. ในอีก 7 ปีข้างหน้า
ขับรถ EV ในไทย แบบสบายใจ ทำยังไงได้บ้าง? แม้จะมีข้อมูลน่ากังวลที่กล่าวมาข้างต้น แต่รถ EV ก็ยังเป็นทางเลือกยานพาหนะที่น่าสนใจในยุคปัจจุบัน และสำหรับโลกอนาคต
คาร์แทรค มีคำแนะนำการขับขี่รถไฟฟ้า EV ที่ช่วยให้ผู้ใช้สบายใจมากขึ้นมาฝาก ดังนี้
อบรมการขับขี่ที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ ผู้ขับขี่ ที่ใช้รถมีส่วนอย่างมากต่อการดึงศักยภาพของรถออกมามากที่สุด การอบรมการขับขี่ที่ถนอมเครื่องยนต์ เช่น ไม่ขับขี่แบบเร่งความเร็ว กระชากเครื่องยนต์ จอดแช่ ฯลฯ หรือการเบรกแบบชาร์จไฟ ช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างดี วางแผนเส้นทางล่วงหน้า ตรวจสอบพิกัดพร้อมเส้นทางขับขี่ล่วงหน้า ช่วยให้รู้ว่าระหว่างเส้นทางนั้น มีสถานีจุดชาร์จอยู่ที่ไหนบ้าง ในระยะทางที่แบตเตอรี่รถจะเหลืออยู่ที่เท่าไหร่ โดยการชาร์จแต่ละครั้ง จะใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที สำหรับเวลาของระบบชาร์จเร็ว (Fast-charging) และนานกว่านั้นสำหรับจุดชาร์จไฟทั่วไป ซึ่งจะช่วยลดความกังวล ขับขี่ได้อย่างสบายใจมากขึ้นได้ ดูแลรถให้พร้อมใช้งาน การดูแลรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานมากที่สุด ช่วยให้ใช้รถได้นานขึ้นได้จริง อย่างเช่น ลมยางล้อรถ มีข้อมูลชี้ว่า ลมยางที่ต่ำกว่าปกติทุกๆ 1 PSI ลดระยะทางขับขี่ถึง 0.4% อัปเดตข้อมูลรถให้คนขับตลอดเวลา เมื่อรถเดินทางสู่ท้องถนน คนขับรู้ข้อมูลของรถที่ขับตลอดเวลาหรือสามารถเรียกดูได้ทุกเมื่อ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น ข้อมูลรถมาจากระบบที่ติดตั้งอยู่ที่เครื่องยนต์ของรถ จะส่งเข้าสู่ระบบดูแลจัดการรถส่วนกลางและในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ของผู้ดูแลรถหรือแม้แต่คนขับรถแบบเรียลไทม์ สิ่งนี้นอกจากจะช่วยให้คนขับรถรู้สถานการณ์ของรถที่ขับแบบเรียลไทม์ ยังช่วยให้คนขับหรือผู้จัดการการใช้รถวางแผนเส้นทางที่ดีกว่า เช่น สภาพถนน ระยะทาง จุดชาร์จ ฯลฯ ในอนาคต
ระบบจัดการยานพาหนะ (Fleet Management System) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรถ EV ได้อย่างไร? แน่นอนว่า ระบบการทำงานของรถไฟฟ้า EV บันทึกและแสดงค่าแบตเตอรี่ แต่ระบบจัดการยานพาหนะหรือ Fleet Management System จะบันทึกการใช้งานของรถและนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อ และแสดงผลข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถมากขึ้นยิ่งกว่าไปอีก
ประโยชน์ที่ผู้ใช้รถ EV จะได้จากระบบจัดการยานพาหนะ ก็เช่น รู้ว่าจุดชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่ไหน และแบตเตอรี่คงเหลือที่แท้จริงก่อนการชาร์จครั้งต่อไป บันทึกและติดตามค่าชาร์จแบตเตอรี่ ดูย้อนหลังได้ บันทึกและติดตามสภาพเครื่องยนต์รถไฟฟ้าอย่างละเอียด พร้อมแจ้งเตือนการเสื่อมตามต้องการของเจ้าของรถได้ จัดทำแผน ESG (Environment, Social, Governance) สำหรับองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยข้อมูลจากระบบที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ จองจุดชาร์จแบตฯ ล่วงหน้าได้
CARTRACK มีระบบจัดการยานพาหนะ Fleet Management System และ GPS ติดตามรถ ที่พร้อมดูแลและพัฒนาการใช้รถไฟฟ้า EV แล้ว และยังพร้อมรองรับการใช้รถไฟฟ้าเชิงธุรกิจด้วย เช่น รถบรรทุกไฟฟ้า ที่ช่วยให้รถทำงานได้มากขึ้นและลดต้นทุนลงได้อย่างรวดเร็วและเป็นผลระยะยาวอย่างยั่งยืนด้วย
นอกจากนี้เรายังมีบริการติดตั้งเซนเซอร์น้ำมัน เพื่อใช้งานร่วมกับกล่อง GPS ติดตามรถ หรือกล้อง AI ซึ่งเป็นกล้อง GPS ติดรถแบบ CCTV ใช้งานกับรถยนต์หรือรถบรรทุกได้ ราคาคุ้มค่า พร้อมยกระดับการทำงานให้ธุรกิจมีรถของคุณด้วยข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์
หากสนใจสอบถามข้อมูลระบบ Fleet Management System เพื่อรถไฟฟ้า EV จาก Cartrack ได้แล้วตอนนี้ กรอกข้อมูลการติดต่อของคุณที่นี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
สำหรับลูกค้าใหม่ CARTRACK! ติดตั้งวันนี้ ฟรีค่าติดตั้งและค่าอุปกรณ์กล่อง GPS จ่ายเพียงค่าบริการ พร้อมโปรโมชันพิเศษ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถยนต์ รถตู้ รถกระบะ GPS ติดตามรถบรรทุก จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง 12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม CARTRACK (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: CARTRACK GPS หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที