อุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องดูแลให้ดีมาก ๆ เพราะหากมีปัญหาเมื่อไหร่ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง นั่นคือ ยางรถยนต์ สังเกตว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ขับขี่จำนวนมากให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ เสมอ
เมื่อเป็นเช่นนี้การรู้จักอายุการใช้งานยางรถที่เหมาะสม จะยิ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ทุกคนปลอดภัยจากอุบัติเหตุได้มากขึ้นกว่าเดิม บทความคาร์แทรคตอนนี้จึงขอพูดถึงเรื่องอายุของยางรถ เพื่อให้ทุกคนนำไปศึกษาและปรับใช้กับรถของตนเองอย่างเหมาะสม
พร้อมแนะนำอุปกรณ์ GPS ติดตามรถ สำหรับติดตามและดูแลยานพาหนะของคุณ เพราะหลายครั้งที่ธุรกิจมีรถอาจจะหลงลืมการนำรถไปตรวจเช็กสภาพหรือซ่อมบำรุงประจำปี GPS ติดตั้งที่ตัวรถจะช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณได้อย่างไร มาติดตามพร้อมกันในบทความนี้กันเลย
เรื่องแรกที่จะพูดถึงกันคงเป็นคำถามที่ผู้ใช้รถตั้งข้อสงสัยว่า จริง ๆ แล้วอายุการใช้งานยางรถที่เหมาะสมคือกี่ปีกันแน่ บางคนก็บอก 2 ปี บางคนก็บอก 5 ปี เอาเป็นว่ามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ลึกซึ้งพร้อม ๆ กับคาร์แทรคกัน
ต้องบอกว่าเรื่องของอายุการใช้งานว่าเมื่อครบเท่านั้นเท่านี้ปีต้องเปลี่ยนยางทันที อาจไม่ใช่จุดสำคัญทั้งหมด เพราะการจะบอกได้ว่าเมื่อใดควรเปลี่ยนยางรถ ควรจะต้องดูจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. ความลึกดอกยาง
คุณสมบัติของดอกยางคือการช่วยรีดน้ำเวลาต้องขับบนถนนที่มีน้ำขังเพื่อให้หน้ายางยังคงสัมผัสผิวถนนได้ปกติ หากดอกยางไม่ดีโอกาสที่รถจะลื่นไถลมีสูง ปกติความลึกของดอกยางใหม่จะอยู่ราว 8-9 mm. ส่วนเมื่อใดที่ควรเปลี่ยนยางก็คือตอนที่ดอกยางลึกไม่ถึง 3 mm.
2. อาการชำรุดของยาง
อาการยางชำรุด เป็นกรณีที่ขับขี่ไปแล้วยางดันไปสัมผัสกับบางสิ่งที่ส่งผลให้คุณภาพการใช้งานลดลง เช่น โดนของมีคม, กระแทกกับขอบทางอย่างรุนแรง, ขับระยะไกลโดยลมยางต่ำมาก ๆ หรือที่เรียกว่า บดยาง
หากเกิดอะไรขึ้นแบบนี้กับยางบ่อย ๆ แนะนำว่าให้รีบเปลี่ยนจะดีที่สุด
3. ยางรถไม่ควรใช้งานเกิน 6 ปี
แม้จะบอกว่าอายุการใช้งานไม่ใช่ทั้งหมด ทว่าแม้ดอกยางจะยังเกิน 3 mm. หรือไม่ได้มีอาการชำรุดใด ๆ ของยาง หากครบ 6 ปี ก็ควรเปลี่ยนได้แล้วเพราะตัวยางเองเสื่อมสภาพเอามาก ๆ บางทีขับ ๆ ไปอยู่อาจระเบิดหรือเกิดอาการอย่างอื่นจนเป็นอันตรายกับผู้ขับขี่ได้
สำหรับใครที่ไม่อยากให้ยางรถของตนเองหมดสภาพก่อนกำหนด ก็ต้องรู้จักวิธียืดอายุการใช้งานยางรถด้วยเหมือนกัน ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
1. ไม่บรรทุกของหนักมากจนเกินไป
รถไม่ควรรับน้ำหนักมากเกินไป ยิ่งบรรทุกของหนักหน้ายางยิ่งสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ควรทำแรงดันลมให้เหมาะสม ทว่าทางที่ดีอย่าแบบของเกินกำลังรถบ่อย ๆ
2. วัดความดันลมเป็นประจำ
แรงดันลมยางต้องไม่อ่อนหรือแข็งเกินไปเนื่องจากจะทำให้หน้ายางสึกเร็ว อีกทั้งหากแรงดันไม่เท่ากันก็จะทำให้การสึกของหน้ายางไม่เท่ากันตามไปด้วย ยิ่งใครพึ่งเปลี่ยนยางมาใหม่ช่วง 3,000 กิโลแรกยางจะขยายตัวส่งผลให้แรงดันลดลงเร็วกว่าปกติ
3. สลับตำแหน่งยางรถ
เป็นเรื่องปกติที่พอใช้งานไปยางแต่ละเส้นย่อมสึกหรอต่างกัน ดังนั้นเมื่อถึง 5,000 กิโลแรกก็ควรสลับตำแหน่งยางรถทั้ง 2 ฝั่ง จากนั้นทุก ๆ 10,000 กิโลให้สลับไปเรื่อย ๆ ซึ่งตรงนี้หากเข้าศูนย์เช็กระยะตามกำหนดก็ไม่มีปัญหา
4. ความเร็วรถ
หากขับเร็วแล้วถนนไม่เรียบย่อมส่งผลให้ยางหมดอายุเร็วขึ้น ทางที่ดีใช้ความเร็วให้เหมาะสมจะดีกว่า เพราะนอกจากการใช้ความเร็วเกินกำหนดจะทำให้ยางจะเสื่อมเร็วแล้ว ยังอันตรายอีกด้วย
5. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
ช่างที่ทำการตั้งศูนย์ถ่วงล้อต้องชำนาญเพราะหากทำอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานยางให้นานออกไปอีก
6. ปะซ่อมยาง
หากยางรถเกิดการชำรุด ถูกของมีคมตำเข้าไปในล้อ ควรนำรถเข้าศูนย์ให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจเช็ก หากแผลยังพอซ่อมได้ ก็ให้ทำการปะซ่อมไป แต่ถ้าแผลใหญ่หรือเสี่ยงต่อยางแตกควรเปลี่ยนยางใหม่ดีกว่า
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม หรือบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายางรถที่ตนเองขับอยู่ควรมีระดับเท่าใด คาร์แทรคจึงขอแนะนำว่า หากต้องการยืดอายุการใช้งานยางรถให้ยาวนานออกไป ต้องรู้ว่ารถของท่านควรเติมลมเท่าใด ดังนี้
สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ จะมีปริมาณลมยางที่แนะนำอยู่ที่ 100-125 ปอนด์ หรือ 130 ปอนด์ สำหรับยางรถที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ หรือบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากหลายตัน
เข้าใจได้ว่าผู้ขับขี่บางรายอาจขับรถโดยไม่ได้บันทึกว่ายางรถของตนเองนั้นถูกใช้มานานแค่ไหน มีร่องรอยสึกหรออะไรบ้าง มารู้ตัวอีกทีคืออายุการใช้งานยางรถเกินกำหนดไปเรียบร้อย
วิธีแก้เมื่อรู้ว่ายางรถที่ใช้งานนั้นเกินกำหนดอายุการใช้ คือ ให้รีบหาร้านยางแล้วทำการเปลี่ยนทันที หรือจำเป็นต้องใช้งานไปก่อนก็ให้ขับอย่างระมัดระวัง และเช็กลมยางให้เหมาะสม เมื่อมีเวลาว่างก็รีบนำเข้าเปลี่ยนโดยเร็ว
เรื่องของอายุการใช้งานยางรถไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะหากยางรถเสียหายขึ้นมา ย่อมส่งผลใหญ่หลวงเกินกว่าจะคาดคิดได้ ดังนั้นต้องใส่ใจในอุปกรณ์ส่วนนี้ให้มาก อย่าละเลยการเปลี่ยนยางเด็ดขาด
อีกหนึ่งวิธีสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจมีรถ หรือเจ้าของรถที่มีรถในความดูแลจำนวนมาก คุณสามารถยกระดับการดูแลยานพาหนะของคุณได้ด้วย GPS ติดรถ CARTRACK เป็นระบบ GPS ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก เข้าดูข้อมูลระบบผ่านมือถือสมาร์ทโฟนของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้อุปกรณ์กล่อง GPS ติดรถของเรา ยังติดตั้งกับรถได้เกือบทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถบรรทุก รถตู้ รถขนส่งสิบล้อ ฯลฯ พร้อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตในตัว บันทึกข้อมูลและสรุปผลออกมาเป็นรายงานได้รวดเร็ว และยังติดตั้งใช้งานร่วมกับกล้องติดรถ หรือเซนเซอร์น้ำมันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามยานพาหนะได้
สนใจสอบถามราคาหรือรายละเอียดการทำงานเพิ่มเติมโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ CARTRACK คลิกทดลองใช้ฟรี เพื่อกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หรือโทร 02-136-2920 , 02-136-2921 ได้ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.30 น.
พิเศษ! โปรโมชันสำหรับลูกค้าคนสำคัญเช่นคุณ รับเลยทันที โปรโมชันติดตั้ง GPS ติดรถบรรทุก GPS ติดตามรถ จ่าย 10 เดือน ใช้ต่อเนื่อง12 เดือน* (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ติดตาม Cartrack (คาร์แทรค) เพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Cartrack Thailand
Instagram: @cartrack.thailand
LINE: https://page.line.me/udi4517q?openQrModal=true หรือเข้าแอปฯ LINE เลือกเพิ่มเพื่อน เลือกค้นหา พิมพ์ @udi4517q ที่ ID และแอดเพื่อคุยสอบถามข้อมูลได้ทันที
ยางรถบรรทุก ยางรถยนต์ มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ยางเสื่อมสภาพดูยังไง เช็กสัญญาณที่บอกว่ายางรถของรถคุณกำลังหมดอายุใช้งาน ให้รีบเปลี่ยนด่วน เพื่อความปลอดภัย