การจอดรถตากแดด นอกจากจะทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว และบางครั้งก็ทำให้มีอาการปวดหัวจนต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศอยู่พักใหญ่แล้ว การจอดในที่ร้อนจัดยังทำให้เกิดผลเสียต่ออุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ด้วย จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
ทำร้ายชิ้นส่วนต่าง ๆ และการทำงานของเครื่องยนต์
การจอดรถในที่ร้อนจัดเป็นเวลานานจะส่งผลต่อชิ้นส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ดังนี้
- ประเด็นแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เรื่องระบบแอร์เครื่องยนต์ หลังการจอดรถตากแดด ระบบแอร์-พัดลมจะทำงานหนัก โดยเฉพาะหากมีการเร่งความเย็นของแอร์เป็นระดับสูงสุดเพื่อรีบไล่ลมร้อน ส่งผลให้ข้อต่อต่าง ๆ ของระบบแอร์เสื่อมคุณภาพไวขึ้น เกิดการรั่วชำรุดเร็วก่อนเวลา
- นอกจากนี้ในส่วนของอุปกรณ์ที่ทำจากยางก็มักจะเสื่อมไวขึ้น โดยสังเกตจากการแข็งกระด้าง เสียความยืดหยุ่น เช่น ยางที่ขอบกระจก ยางของที่ปัดน้ำฝนหน้ากระจกและด้านหลังรถ ซึ่งหลายคนใช้วิธียกก้านปัดน้ำฝนค้างออกมาจากกระจกเพื่อลดความร้อนที่มาจากกระจกเป็นสื่อ เทคนิคนี้อาจช่วยลดความร้อนที่ทำให้ยางของเครื่องปัดน้ำฝนเสื่อมได้ก็จริง แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการเสื่อมของสปริงที่ปัดน้ำฝนที่ค้างไว้เป็นเวลานานด้วยเช่นกัน
- ต่อมาคือเรื่องของสีรถยนต์ที่มักจะถูกแดดเลียจนซีดไวกว่าปกติ แม้จะเคลือบสีรถแล้วแต่ก็จะสีดร็อปเร็วกว่ารถที่จอดในร่มเป็นประจำ หากเป็นรถยนต์สีขาวก็จะเห็นว่าสีจะค่อนข้างหม่นอมเหลืองไม่สวยงาม
- ส่วนของฟิล์มกรองแสงก็เช่นเดียวกัน จะสังเกตได้จากอาการบวมลอกออกของฟิล์ม และสีที่จะกลายเป็นสีม่วงที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการกรองแสงที่ลดลงและทำให้ภายในรถยิ่งร้อนขึ้นด้วย
ทำให้น้ำในระบบเครื่องยนต์ระเหย เสี่ยงต่อการน็อคจากความร้อนจัดเมื่อขับขี่
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ระบบน้ำหล่อเลี้ยง อาทิ น้ำกลั่นทั้งหกจุดในแบตเตอร์รี่ น้ำในระบบพักน้ำหน้ากระจังรถ ก็มีสิทธิ์ที่จะระเหยกลายเป็นไอได้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะในฤดูร้อนหรือวันที่อากาศร้อนจัด ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ จะทำให้น้ำต่ำกว่าระดับขีดที่มีสัญลักษณ์ MIN ซึ่งต้องรีบเติมทันที
เนื่องจากการขับรถต่อเนื่องในสภาพอากาศที่ร้อนระอุหลังการจอดรถตากแดดเป็นเวลานานจะเสี่ยงต่อการเกิด overheat เครื่องยนต์จะน็อคได้ หลังการจอดรถกลางแดดไว้เป็นเวลานาน จึงควรตรวจเช็คระดับน้ำในระบบเครื่องยนต์ดังกล่าวก่อนการสตาร์ทเครื่องเพื่อป้องกันอันตรายจากไอน้ำ และหลังจากสตาร์ทรถแล้วควรคอยสักพัก เปิดหน้าต่างเพื่อให้ความร้อนได้ระบายออก
อย่างไรก็ตามรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ได้มีนวัตกรรมการผลิตทางยานยนต์ที่ก้าวหน้า มีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติซึ่งทำให้ลดปัญหาเรื่องระบบทำความเย็นไปได้
เสี่ยงต่อการระเบิดของสิ่งของในรถยนต์
หากจอดรถตากแดดและภายในรถยนต์มีการเก็บของที่ไวไฟ ระเบิดหรือระเหยได้เมื่อโดนความร้อน เช่น ไฟแช็ค มือถือ กระป๋องสี กระป๋องสเปรย์แต่งผม กระป๋องสเปรย์ดับกลิ่น ฯลฯ ก็ต้องระมัดระวังเนื่องจากความร้อนจากแดดจะเพิ่มอุณหภูมิภายในรถจนมีสภาพคล้ายเป็นตู้อบ ทำให้เกิดการขยายตัวของส่วนประกอบที่เป็นไอ ทำให้ระเบิด กระจกแตกหรือหากอยู่ในบริเวณที่มีการทิ้งเศษบุหรี่ที่ดับไม่สนิท ก็อาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงขั้นรถระเบิดได้
เป็นผลเสียต่อยา วิตามินและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ
กรณีที่หลายคนชอบเก็บยา วิตามินหรือเวชภัณฑ์บำรุงผิว ไว้ในรถก็ย่อมได้รับผลกระทบจากความร้อนในการจอดรถตากแดดได้เช่นกัน เนื่องจากเป็นสิ่งที่เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอุณหภูมิความร้อนของสิ่งแวดล้อม กรณียาเสื่อมสภาพจะเกิดผลเสียในการทำให้ยาไม่ได้ผลในการรักษา
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน ไขมัน เบาหวาน หรือยาที่จำเป็นในการช่วยชีวิตเช่น รักษาอาการหอบหืดกำเริบ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถควบคุมโรคได้ ส่วนวิตามินและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หากมีส่วนผสมของวิตามินซีหรือสารต้านอนุมูลอิสระ ก็จะเสื่อมสภาพไวและอาจเปลี่ยนสภาพเป็นสารที่เป็นพิษต่อร่างกายในระยะยาวได้ (สังเกตที่บรรจุภัณฑ์มักเป็นสีชา เพื่อช่วยป้องกันแสง)
ดังนั้นจึงควรจัดเก็บในกล่องหรือกระเป๋าให้มิดชิด และเลือกจอดรถในร่ม มิฉะนั้นต้องย้ายสิ่งของออกจากรถยนต์หลังได้ที่จอดรถแล้ว เพื่อป้องกันความเสียหายดังที่กล่าวมา
ป้องกันด้วยวิธีง่ายๆ
จะเห็นได้ว่าทั้งสี่ข้อที่กล่าวมาเป็นผลเสียของการจอดรถตากแดดการปกป้องรถจากความร้อนจัดและแสงแดดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่แต่ละท่านต้องใส่ใจ ซึ่งแนะนำให้ใช้วิธีดังนี้
- คลุมรถยนต์ด้วยผ้าแบบกันยูวีในแสงแดด จะช่วยระบายอากาศได้ดี และปกป้องสีรถ ความเงางามของสารเคลือบรถ และช่วยชะลอความเสื่อมของยางในอุปกรณ์รถยนต์จุดต่าง ๆ ได้
- ใช้แผ่นเพลทกันยูวีแบบติดใต้กระจกรถ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความร้อนที่จะเข้าถึงส่วนคอนโซลรถ พวงมาลัย และอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคต่าง ๆ เรียกว่าให้ความสะดวกดี และไม่สูญหายแน่นอน แต่ก็ได้ประโยชน์ในการป้องกันแสงแดดน้อยกว่าการใช้ผ้าคลุมรถยนต์ทั้งคัน
การพยายามหาที่จอดในร่มเข้าไว้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ผู้ขับขี่สามารถปกป้องรถยนต์จากแสงแดดและความร้อนจัดได้ และต้องหมั่นตรวจสภาพรถที่อาจเสื่อมไวกว่าปกติหากมีการจอดรถกลางแจ้งบ่อย ๆ