
ผู้เสียหายเป็นร้านเตนท์รถมือสองแห่งหนึ่งในจ.สกลนคร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ใช้บริการ CARTRACK จีพีเอสติดรถยนต์ ให้สัมภาษณ์ว่า คนร้ายทำทีมา ‘เช่าซื้อ’ รถยนต์ TOYOTA Hilux Vigo ตามปกติ มูลค่ากว่า 5 แสนบาท และมีการวางเงินดาวน์ในขั้นตอนทำสัญญาเพื่อความแนบเนียนไว้กับทางร้าน 1 แสนบาท ในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
จากนั้น เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 63 ทีมงานคาร์แทรคที่คอยดูแลความปลอดภัยให้ลูกค้า ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของการใช้งานรถยนต์ และโทรสอบถามแจ้งเตือนกับทางลูกค้า เนื่องจากพบว่ารถคันนี้จอดนิ่งที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.นครพนม เป็นเวลากว่า 9 วันติด จากนั้นทางเตนท์รถจึงติดต่อกับทั้งทางผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันแต่พบว่าทั้งสองให้คำตอบที่ไม่ตรงกันอย่างผิดสังเกตเมื่อถูกถามว่ารถอยู่ไหน? ลูกค้าจึงตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจและขอความช่วยเหลือมายังทีมกู้คืนยานพาหนะคาร์แทรค

ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปยังจุดที่รถจอดดังกล่าว แต่เมื่อไปถึง GPS ของคาร์แทรคได้แสดงข้อมูลเส้นทางของรถคันนี้พบว่า รถมีการเคลื่อนที่ไปอยู่ฝั่งชายแดนประเทศลาวแล้ว โดยใช้เส้นทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แต่ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนจากสัญญาณ GPS ของ Cartrack ที่ยังสามารถรายงานตำแหน่งได้อย่างแม่นยำแม้รถจะถูกลักลอบข้ามชายแดน ทำให้ทางเราประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สกลนคร และ สภ.นครพนม ในการตามรถคืนกลับมายังฝั่งประเทศไทยได้สำเร็จ โดยจากการสืบสวนของตำรวจพบว่าผู้ที่มาขอเช่ารถนั้นเป็นเพียงแค่ ‘โจรนกต่อ’ ที่มี ‘ขบวนการซื้อขายรถผิดกฎหมายข้ามชาติ’ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับ ‘คนใน’ เพราะผ่านขั้นตอนการตรวจออกนอกประเทศได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ไม่มีเอกสารสำคัญใดๆ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรีบสืบหาพยานหลักฐานและตามจับกุมผู้ร้ายขบวนการนี้ต่อไป
โดยทางลูกค้าเปิดเผยว่าร้านเตนท์ขายรถมือสองของตนเคยประสบเหตุทำนองนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นไม่ได้ติด GPS ที่รถทุกคัน จึงทำให้ธุรกิจเสียหายอย่างมาก ต่อมาจึงได้ติด GPS กับรถทุกคันของทางร้านเพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ และที่เลือกใช้จีพีเอสติดตามของ CARTRACK THAILAND ก็เพราะมีทีมงานคอยดูแลความปลอดภัยที่ห่วงใยลูกค้า ดูได้จากครั้งนี้ที่ทางทีมคาร์แทรคโทรแจ้งความผิดปกติของรถเราในตอนแรกทำให้รู้ตัวและติดตามรถคืนได้ในที่สุด”