BLOGS

หลับใน อันตรายที่ผู้ขับรถสามารถป้องกันได้

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ร่างกายของคนเรานั้นต้องการการพักผ่อนประมาณ 7 – 9 ชั่วโมง/วัน ซึ่งหากต้องการนอนหลับให้มากพอ ควรตั้งนาฬิกาชีวิตให้เป็นระบบระเบียบ เมื่อทำเป็นประจำแล้วร่างกายก็จะพร้อมสำหรับการนอนหลับพักผ่อนแล้ว หรืออาจใช้วิธีอาบน้ำอุ่น ๆ ก่อนนอนเพื่อสร้างความผ่อนคลายและทำให้นอนหลับสนิทง่ายขึ้น การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง พร้อมสำหรับการขับขี่รถยนต์อย่างมีสติตลอดเส้นทาง ป้องกันอาการง่วงนอนที่จะนำไปสู่การหลับในได้

แวะพักผ่อนเป็นระยะ ๆ

หากขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ ร่างกายมักเกิดความเมื่อยล้าอ่อนเพลีย เนื่องจากประสาทสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อขับขี่เป็นระยะเวลาไกล ๆ ผู้ขับขี่ควรหยุดแวะพักบ้างเป็นระยะ และในขณะแวะพักอาจหลับตาเพื่อป้องกันอาการล้าของดวงตา หรืองีบหลับบ้างสัก 10 – 20 นาที เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ลดการเกิดอาการหลับในได้

หรืออาจกำหนดเป็นการพักทุก ๆ ระยะทาง 150 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงที่ขับรถยาวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเริ่มรู้สึกง่วงในระหว่างการขับรถ ผู้ขับขี่ยิ่งควรหาทางพักผ่อนทันที อย่าฝืนหรือเสี่ยงขับรถต่อไป เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ ย่อมเป็นความสูญเสียที่ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย

หาของกินมารับประทาน

อาหารหลายอย่างมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นให้ประสาทตื่นตัวได้ดี อย่างผลไม้ ลูกอมหรือของขบเคี้ยวที่มีรสเปรี้ยว หรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานที่จะสร้างความสดชื่นได้ดี ยิ่งเครื่องดื่มหวาน ๆ รสเย็น ๆ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟ หรือชาก็สามารถสร้างความสดชื่นลดโอกาสเกิดการหลับในได้ แต่ห้ามดื่มของมึนเมาเด็ดขาด

เพราะของมึนเมาจะทำให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจของผู้ขับขี่ลดลง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้ หรือถ้ายังไม่รู้สึกหิวหรือรับประทานอะไร อาจเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายง่าย ๆ ด้วยผ้าเย็น หรืออมน้ำแข็งสักก้อน ก็สามารถสร้างความสดชื่นได้ง่าย ๆ แล้ว การดื่มน้ำอย่างเพียงพอยังป้องกันความรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดหัวหรือเหนื่อยล้าได้ดี

หากิจกรรมทำระหว่างขับรถ

เพื่อป้องกันไม่ให้รู้สึกง่วงในระหว่างการขับรถอันกลายเป็นสาเหตุของการหลับในได้ ผู้ขับขี่ควรหากิจกรรมมาช่วยแก้ง่วง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพลงที่ชอบดัง ๆ หรือเพลงจังหวะเร็ว ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้ประสาทร่างกายตื่นตัว ลดอาการวูบในขณะขับรถได้ดี หรืออาจจะหาเพื่อนร่วมทางสักคนให้ผู้ขับขี่ได้สนทนาพูดคุยลดโอกาสการหลับในได้ดี

รวมถึงการยืดเส้นยืดสายง่าย ๆ ในระหว่างการขับรถ เช่น การยกสะโพกค้างเอาไว้ การสะบัดข้อมือ การยืดข้อศอก หรือการกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึกง่วงนอนให้หมดไปได้

หลีกเลี่ยงการรับประทานสิ่งที่ทำให้ง่วง

อาหารหลายชนิดมีฤทธิ์ในการกดประสาท ทำให้ง่วงนอนในขณะขับรถอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะในคืนก่อนที่จะต้องขับรถเป็นระยะทางไกล ๆ หรือการอดนอน ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าอันเป็นสาเหตุของอาการหลับในได้ รวมถึงหากผู้ขับขี่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวและจำเป็นต้องรับประทานยาที่ทำให้ง่วง ก็ควรหยุดรับประทานยาในช่วงที่จะเป็นต้องขับรถก่อน

ยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงนอนนั้นก็มีตัวอย่างเช่น ยาแก้ปวด ชนิด Tramado ,Amitriptyline ยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีคำเตือนว่าจะทำให้ง่วงนอน เพราะยาจำพวกนี้มักส่งผลต่อระบบประสาทส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง ความสามารถในการตัดสินใจช้าลง อาจมองเห็นเป็นภาพเบลอ ไม่ชัดเจน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ภาวะหลับในสามารถป้องกันได้ด้วยการเตรียมร่างกายให้พร้อม ยิ่งหากผู้ขับขี่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะทำให้คุณและผู้ร่วมโดยสารปลอดภัยแล้ว ยังส่งผลต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ด้วย

อาการหลับในนับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทย ลักษณะอาการคือคนขับเกิดวูบหลับกลางอากาศในระหว่างขับรถ ซึ่งในช่วงที่ไม่รู้สึกตัวนั้นเป็นช่วงที่สามารถก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ ยิ่งเกิดอาการในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็ว หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงอย่างทางโค้งหรือฝนตกถนนลื่น ความสูญเสียที่เกิดจากอาหารวูบหลับนี้ก็อาจรุนแรงจนไม่สามารถประเมินความเสียหายได้เลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของอาการลักษณะนี้มาจากหลายสาเหตุทั้งการอดนอน การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เป็นเวลา จนร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย แต่ก็อาจมีสาเหตุมาจากการที่ผู้ขับขี่นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทก่อนออกเดินทาง หรือทานยาที่กินแล้วทำให้รู้สึกง่วงนอนอย่างยาแก้แพ้ รวมถึงเครื่องดื่มมึนเมาอย่างแอลกอฮอล์ ลักษณะของอาการขับรถแล้ววูบอาจมีตั้งแต่การวิ่งออกนอกเส้นทาง วิ่งลักษณะส่ายไปมาไม่ตรงทาง อาจเห็นภาพทุก ๆ อย่างรอบข้างเบลอ ไม่ชัดเจน รู้สึกง่วงเหมือนตาจะปิดจนไม่สามารถควบคุมการลืมตาของตนเองได้ หรืออาจมีอาการหาวบ่อย ๆ ตลอดเส้นทาง การขับรถแล้วเกิดอาการวูบหลับนั้นสามารถป้องกันได้ง่าย