BLOGS

ยางระเบิด มีสาเหตุมาจากอะไร และมีวิธีรับมืออย่างไร?

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆให้เห็นประจำโดยเฉพาะกับรถใหญ่ๆอย่างยางของรถบรรทุก สิบล้อ หรือรถพ่วง ก็คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ยางแตกหรือยางระเบิดเป็นแน่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด ยางระเบิด นั้นมีอะไรบ้าง และต้องปฏิบัติรับมืออย่างไรมาดูกัน

สาเหตุที่ทำให้อาการยางระเบิด มีดังนี้

  1. ใช้งานยางที่หมดอายุการใช้งานไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ยางที่มีสภาพบวม ฉีกขาด ดอกยางที่หมดสภาพ เนื้อยางมีรอยแตก เป็นต้น – อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อายุการใช้งานยางรถยนต์ << ที่นี่
  2. ยางเก่ามากๆที่เอามาใช้ทดแทนเพราะไม่อยากเปลี่ยนของใหม่
  3. ใช้ความเร็วในการขับรถเกินที่ความเร็วของยางกำหนดพิกัดไว้
  4. สูบลมยางไม่สมดุล หรือไม่ถูกต้อง
  5. รถบรรทุกน้ำหนักมาเกิดที่ค่ากำหนดไว้
  6. ยางมีความร้อนสูงจัด เนื่องมาจากอาการเบรกติดที่ล้อใดล้อหนึ่ง และอาจทำให้เกิดไฟลุกได้
  7. ผู้ขับขี่ซื้อยางเปอร์เซ็น*มาใช้งาน
  8. เปลี่ยนยางใหม่ แต่ยังคงใช้จุ๊บปิดเติมลมอันเก่าอยู่
  9. การเลือกใช้งานยางไม่ถูกประเภท หรือขนาด เช่น ยางทั่วไปไม่เหมาะกับสถาพทางบางประเภท หรือนำยางรถเก๋งมาใช้กับรถกระบะ เป็นต้น
  10. แก้มยางได้รับการเสียดสีกับขอบถนน

*ยางเปอร์เซ็น : หมายถึงยางที่ใช้งานแล้ว โดยร้านค้าหรือร้านยางจะซื้อต่อมาจากผู้ที่มาเปลี่ยนยางใหม่ จำนวนเปอร์เซ็นมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความสึกของ ดอกยาง ซึ่งหากดอกยางตื้นมากๆก็ไม่ควรใช้ต่อไป เพราะจะทำให้อันตรายมาก เพราะไม่มีดอกยางหรือลายยางมากพอที่จะรีดน้ำออกได้ขณะที่ขับตอนฝนตก ทำให้ยางไม่เกาะถนนและลื่นไถลได้ง่ายเมื่อทำการเบรก

ร้านยาง ปะยาง ต่างๆ จะนำยางที่หมดดอกหรือลายยางแล้วมาแกะลายเพิ่มเพื่อขายในราคาถูก ถ้าเราไปซื้อมาใช้งาน อาจจะทำให้เกิดอาการยางระเบิดได้ วิธีการสังเกตคือให้สังเกตที่สะพานยางว่ามีสะพานยางติดอยู่หรือไม่ หากไม่มีแสดงว่าร้านนำยางที่ดอกแล้วมาแกะใหม่

จะรู้ได้อย่างไร ว่ายางกำลังจะระเบิด?!

ในขณะที่เราขับรถอยู่นั้น เราจะรู้สึกถึงอาการสั่นแปลกๆของพวงมาลัยและทำให้บังคับรถได้ยาก ยิ่งโดยเฉพาะในขณะที่ทำการเลี้ยว นั้นไม่ใช่ปัญหาที่ช่วงล่าง ศูนย์ล้อ หรือการถ่วงล้อแต่อย่างใด ทั้งๆที่ขับออกมาช่วงแรกไม่มีอาการใดๆ นี่คืออาการที่จะบอกเราว่า ยางรถยนต์เริ่มมีอาการบวมและพร้อมจะระเบิดแล้ว

ควรชะลอความเร็วลง และจอดรถข้างทางหรือในบริเวณที่ปลอดภัย และรีบตรวจสอบสภาพของยางในทันที โดยที่พบส่วนมากยางจะมีอาการร้อนจัด และรู้สึกได้ว่าบวมขึ้นเนื่องจากยางเริ่มเสื่อมสภาพ

วิธีการรับมือหากเกิดเหตุการณ์ยางระเบิดขึ้น

  1. จับพวงมาลัยท่ามาตรฐานด้วยมือทั้งสองข้างอย่างมั่นคง
  2. ค่อยๆปล่อยหรือถอนคันเร่งออก
  3. ตรวจสอบรอบข้างอย่างถี่ถ้วนว่ามีรถอยู่บริเวณใกล้เคียงหรือมีรถตามหลังมาหรือไม่
  4. ค่อยๆแตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ๆ ห้ามแตะแรงหรือเบรกจนสุดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุนหรือเสียหลักได้
  5. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะการเหยียบคลัตช์จะทำให้รถลอยตัวเนื่องจากระบบขับเคลื่อนที่เพลา จะตัดขาดแรงบิดจากเครื่องยนต์ ทำให้รถควบคุมได้ยากขึ้น และอาจเสียหลักพุ่งชนได้
  6. ห้ามดึงเบรกมือเพื่อพยายามหยุดรถอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รถหมุนจนเกินควบคุมได้
  7. หากสามารถลดความเร็วของรถได้จนอยู่ในความเร็วที่ปลอดภัยแล้ว ให้รีบเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายแล้วพยายามเข้าชิดข้างทางให้มากที่ และเมื่อความเร็วลดลงจนสามารถหยุดรถได้แล้ว ให้ลดเกียร์ลงเรื่อยๆและหยุดรถที่ข้างทางอย่างปลอดภัย

ข้อสังเกตเมื่อเกิดเหตุยางระเบิด คือ หากล้อระเบิดทางด้านซ้าย (ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังก็ตาม) รถจะแฉลบไปทางซ้ายก่อน และสะบัดกลับ ไปมาซ้ายขวาสลับกัน และจะอันตรายมาก หากระเบิดทางด้านขวา เพราะเป็นฝั่งที่อันตราย โดยเฉพาะหากเกิดระเบิดในขณะที่ใช้ความเร็วสูงมากๆ เมื่อยางระเบิด รถจะเสียทรงและทำให้รถกลิ้งทันที (คล้ายคนทำม้วนหน้าเพื่อตีลังกา) และไม่สามารถควบคุมได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ และไม่ใช้ยางซ้ำ รวมไปถึงใช้ความเร็วที่เหมาะสมไม่เร็วจนเกินไป หรืออย่างเร็วสุดในรถบรรทุก หรือรถกระบะที่บรรทุกของหนัก การวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม/ชม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น

ยางระเบิด ถือเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างมาก และยิ่งโดยเฉพาะหากเกิด ยางระเบิด ในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูงมากๆ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้