BLOGS

น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ดีกว่าน้ำมันธรรมดา จริงหรือมั่ว?

คุณต้องการให้ คาร์แทรค ช่วยเหลือเรื่องอะไร?

ฉันเป็น / ...
จำนวนยานพาหนะของคุณ
ขอบคุณค่ะ เจ้าหน้าที่คาร์แทรคจะติดต่อกลับหาคุณโดยเร็วที่สุด
Oops! Something went wrong while submitting the form.

สำหรับผู้ขับขี่รถมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่ถนัดเรื่องงานช่างและงานการดูแลรถยนต์ อาจมีข้อสงสัยว่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีความต่างจากน้ำมันเครื่องธรรมดาสูตรทั่วไปอย่างไร? เรามาดูกันว่ากูรูเรื่องรถได้ให้คำอธิบายอย่างง่าย ที่ทำให้เราสามารถดูแลรถด้วยการเลือกชนิดน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถอย่างไรบ้าง

น้ำมันเครื่องโดยทั่วแล้ว สามารถแยกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เป็นน้ำมันเครื่องแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่คุ้นเคย กับ 2. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์และ 3. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (เป็นการผสมน้ำมันเครื่องสองแบบแรกเข้าด้วยกัน) ซึ่งแบบที่ 2 และ 3 เป็นเทรนด์ใหม่ของน้ำมันเครื่องที่มีคนสนใจอยากใช้กันมากขึ้น

ทั้งนี้ น้ำมันเครื่องทั้ง 3 กลุ่มที่กล่าวมา ต่างมีตัวสารต้นกำเนิด คือ น้ำมันดิบชนิดเดียวกัน ได้มาจากการขุดเจาะแหล่งธรรมชาติ ซึ่งอยู่ลึกลงไปจากชั้นใต้ดินเช่นเดียวกัน แต่หากเป็นน้ำมันเครื่องรุ่นใหม่ หรือ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ จะมีนวัตกรรมที่เสริมจากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเลียม ที่ให้ความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์มากกว่า และมีคุณสมบัติทางเคมีต่าง ๆ ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าเป็นผลดีต่อเครื่องยนต์ เหนือกว่าน้ำมันเครื่องแบบปกติ จึงมีความนิยมในระยะหลังมากขึ้นสำหรับนักแข่งรถ หรือ ผู้ที่หลงใหลในศาสตร์รถยนต์ในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สำหรับการปกป้องเครื่องยนต์ให้ยืดอายุ และสามารถเร่งความเร็วได้ “สุด” ตามสมรรถนะที่แท้จริง

การศึกษาคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องชนิดต่างๆ

ในการศึกษาที่ละเอียดลงไป สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีคุณสมบัติดีกว่าน้ำมันเครื่องรุ่นดั้งเดิม เริ่มจาก “ค่าการไหลลื่น” ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องธรรมดาจะต้องใช้เวลาในการเคลื่อนตัว หรือไหลไปหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ภายในกระบวนการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ทำให้ช่วงเวลาก่อนที่การไหลลื่นจะครบวงจรสมบูรณ์ดีนั้น ตัวเครื่องยนต์ ก็ได้เกิดการเสียดสีกันแล้ว ทำให้ในระยะยาว เครื่องยนต์มีการสึกกร่อนและเกิดตะกอนสกปรกจากชิ้นส่วนที่ถูกเสียดสีหลุดออกมานั่นเอง

ส่งผลให้อายุการทำงานของเครื่องยนต์สั้นลง แต่หากเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะช่วยลดระยะดังกล่าวให้กลายเป็นศูนย์ หรือ เรียกว่า หล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ในทันที่ที่บิดกุญแจ start เครื่องเลยทีเดียว

ราคาที่ต่างกัน

นอกจากนี้ มีการศึกษาเปรียบเทียบพบว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถลดค่าใช้จ่ายของผู้ขับขี่ในการเติมน้ำมันได้ด้วย เพราะการที่น้ำมันเครื่องธรรมดามีลักษณะที่ข้นและหนืดเหนียวมากกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงทำให้การไหลหรือเคลื่อนตัวช้ากว่า จึงสูญเสียสมรรถนะในการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้อัตราการเผาผลาญน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละเดือนสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับด้านสิ่งแวดล้อม มีการพบว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เมื่อผ่านการเผาไหม้ในการทำงานกับเครื่องยนต์ไปแล้ว สามารถลดปริมาณสารพิษหรือควันละอองแก๊สต่าง ๆ ในอากาศได้มากกว่า การใช้น้ำมันเครื่องสูตรธรรมดา ซึ่งมักตรวจพบสารที่เกิดจากการเผาไหม้แบบไม่เสถียร เช่น กำมะถัน และสารกลุ่มไฮโดรคาร์บอน นั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่คนสงสัยกันมาก คือ การดูค่าตัวเลขที่ปรากฏเป็นรหัส บนหน้าบรรจุภัณฑ์น้ำมันเครื่อง เช่น SN 10W-40 ซึ่งอธิบายสั้น ๆ ได้ว่า รหัส SN เป็นหนึ่งรหัส ของระบบ API ของสถาบันปิโตรเลียม USA หรือ American Petroleum Institute Standard สำหรับการเข้าใจความหมายของน้ำมันเครื่องให้เป็นระบบเดียวกันทั่วโลก

ค่านี้ จะมีการระบุแยกตามชนิดน้ำมัน เช่น สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน จะขึ้นว่า S เช่น SN SL ถ้าสำหรับเครื่องยนต์แบบดีเซล จะเป็นตัว C เช่น CK CJ ทั้งนี้ สำหรับผู้ใช้รถทั่วไป คงไม่ต้องศึกษาจนครบทุกรุ่น คุณสามารถศึกษาเฉพาะรถรุ่นที่คุณมี match กับน้ำมันชนิดเบนซิน หรือดีเซล ที่เติมเครื่องยนต์ทุกวันนี้ ก็สามารถเลือก API ที่เหมาะกับรถยนต์คุณได้

รุ่นของรถที่ผลิต มีผลกับการเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างไร

ส่วนความหมายของตัวอักษรที่ 2 ที่ต่อจาก S หรือ C คือรุ่นของรถที่ผลิต ที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของน้ำมันเครื่อง ซึ่งหากเข้าเว็บไซต์ www.api.org จะสามารถดูรายละเอียดได้ว่า น้ำมันเครื่องสูตรใด เหมาะกับรถยนต์ที่ผลิตในปี ค.ศ. อะไร มีข้อเด่นอย่างไรบ้าง เช่น

  • น้ำมันเครื่องรุ่น SN จะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับรถที่ผลิตหลัง ตุลาคม ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถปกป้องเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E 85 ป้องกัน turbocharger ได้เป็นอย่างดี เป็นต้น
  • รุ่น SM สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิต ในปี 2010 หรือ ก่อนหน้านั้น ส่วน SL สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตก่อนปี ค.ศ. 2004 เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังมีตัวเลขที่เหลือ ที่มีความหมายควรเข้าใจ คือ 10W-40 ซึ่งมีความหมายถึงความข้นความใสของน้ำมัน เช่น

  • 10W คือ สามารถทนต่ออุณหภูมิต่ำ ไม่เป็นไข แม้อยู่ที่ความเย็นจัดต่ำกว่าลบ 20 องศาเซลเซียส
  • 5W คือ ไม่เป็นไขแม้อุณหภูมิต่ำลงไปว่า ลบ 30 องศาเซลเซียส

ส่วนเลขหลังสุด คือ 40 หมายถึง ค่าความหนืด ของน้ำมันเครื่อง ที่มีเลข 5 10 20 จนถึง 60 เรียกว่า เลขยิ่งน้อย ยิ่งลื่นไหล ปกป้องเครื่องยนต์และลดการสึกหรอได้อย่างยอดเยี่ยมเท่านั้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมค่าตัวเลขนี้ให้ไม่เกิน 40

ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จึงเป็นที่ยืนยันได้ว่า การใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์สามารถปกป้องเครื่องยนต์ และเสริมสมรรถภาพของรถให้ทำงานได้เต็มกำลัง ทั้งยังป้องกันคราบสกปรกจากการเสียดสีของเครื่องยนต์ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการต้องซ่อมบำรุงรถในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ในส่วนข้อด้อยที่มีในปัจจุบัน ก็คงจะเป็นเรื่องของราคาที่ช่วงแรกของการพัฒนานวัตกรรมการผลิตอาจมีราคาสูงอยู่บ้าง แต่มีแนวโน้มที่ราคาจะเป็นมิตรมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต

สำหรับผู้ขับขี่รถมือใหม่ หรือผู้ที่ไม่ถนัดเรื่องงานช่างและงานการดูแลรถยนต์ อาจมีข้อสงสัยว่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีความต่างจากน้ำมันเครื่องธรรมดาสูตรทั่วไปอย่างไร? เรามาดูกันว่ากูรูเรื่องรถได้ให้คำอธิบายอย่างง่าย ที่ทำให้เราสามารถดูแลรถด้วยการเลือกชนิดน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถอย่างไรบ้าง น้ำมันเครื่องโดยทั่วแล้ว สามารถแยกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เป็นน้ำมันเครื่องแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่คุ้นเคย กับ 2. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์และ 3. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (เป็นการผสมน้ำมันเครื่องสองแบบแรกเข้าด้วยกัน) ซึ่งแบบที่ 2 และ 3